10 ม.ค. 2023 เวลา 16:04 • ไลฟ์สไตล์
“ของที่ไม่เคยรู้จะได้รู้ ของที่ไม่เคยเห็นจะได้เห็น
ของที่ไม่เคยปล่อยวางก็จะปล่อยวางได้”
“ … การเจริญสติในชีวิตประจำวัน
การเจริญสติในชีวิตประจำวันทำอย่างไร
เราจะทำได้ถ้าเราเคยฝึกอ่านจิตของตัวเองออก
การเจริญสติในชีวิตประจำวันนั้น
เมื่อตาเห็นรูป เกิดอะไรขึ้นกับจิตใจ รู้ทัน
อย่างเห็นคนนี้ขึ้นมา โกรธ
เห็นคนนี้ขึ้นมา รัก รู้ทันที่ใจ
เห็นคนนี้แล้วมีความสุข
เห็นหน้าคนนี้ เห็นแล้วมีความทุกข์ เครียด
มีความทุกข์เกิดขึ้น รู้ทัน
หูได้ยินเสียง ก็เหมือนกัน
พอหูเราได้ยินเสียง จิตใจเราเปลี่ยนแปลง เรารู้ทัน
จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส
กายกระทบสัมผัส
จิตใจเราเปลี่ยนแปลง เรารู้ทัน
อย่างคนกรุงเทพฯ จะชอบอากาศหนาวๆ พอลมหนาวโชยมา รู้สึกไหมมีความสุข มีความสุขแล้วทำอย่างไรดี โอ้ จะไปเที่ยวไหนดี ไปเสียทางนั้น จะไปดูแม่คะนิ้งดีไหม หรือจะไปดูหิมะที่ไหน นี่มันเตลิดออกไปอย่างนั้น
ถ้าลมหนาวโชยมา ใจเราชอบ รู้ว่าชอบแค่นี้ล่ะ
ย้อนเข้ามาเรียนรู้ตัวเอง
อากาศก็ร้อนๆ ลมพัดมา ลมนั้นร้อนอีก หลวงพ่อเคยเจอทางอีสานนี่ล่ะ หน้าร้อน เวลาลมมาถูกตัวเรา ร้อนยิ่งกว่าเก่าอีก ต้องพยายามหลบลมไม่ให้ถูกตัว
เวลาร้อนๆ ลมร้อนๆ มาถูกเรา รำคาญ รู้ว่ารำคาญ
กำลังร้อนๆ แล้วลมเย็นมันโชยมา รู้สึกมีความสุข รู้ว่ามีความสุข
นี่การปฏิบัติในชีวิตจริงเป็นอย่างนี้
หรือใจเรานั่งคิดเรื่องนี้ไปแล้วมีความสุข เรารู้ว่ามีความสุข
คิดเรื่องนี้แล้วทุกข์ รู้ว่าทุกข์
คิดเรื่องนี้แล้วโลภ โกรธ หลง ก็รู้ว่าโลภ โกรธ หลง
นั่นคือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
หลักของการเจริญสติในชีวิตประจำวันก็คือ
เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น
ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส ใจกระทบความคิด
เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในจิตใจ คอยรู้ไว้ แค่นี้ล่ะ
อายตนะมี 6 ตัว เราเจริญสติในชีวิตประจำวัน ไปรู้ว่าตอนนี้ไปดู ตอนนี้ไปฟัง ประสาทกิน 6 ช่อง ดูยาก ดูมันจุดเดียวเลย
ตาเห็นรูป แล้วจิตเป็นอย่างไร
หูได้ยินเสียง แล้วจิตเป็นอย่างไร
อันนี้หลวงพ่อเคยเขียนไว้ในหนังสือเรื่องทางเอก เรื่องพระโปฐิละ พระโปฐิละก็ไปเรียนกรรมฐานกับเณร แต่เณรเป็นพระอรหันต์ พระโปฐิละเป็นพระผู้ใหญ่มีชื่อเสียง เจนจบในพระไตรปิฎก ธรรมะอะไรนี่ท่องได้หมดเลย แต่ว่าเป็นปุถุชน
วันหนึ่งไปเรียนกรรมฐานกับเณร เณรบอกว่าท่านอาจารย์เป็นผู้ใหญ่แล้วมันจะดื้อ เพราะฉะนั้นต้องไม่ดื้อ ผมสั่งอะไร ท่านอาจารย์ต้องทำ พระโปฐิละท่านก็บอกตกลง
เณรบอกลุยลงไปในน้ำเลย ใส่จีวรสวยๆ จีวรผ้าอย่างดี ผ้าไหม ผ้าอะไร สั่งให้ท่านลุยน้ำ ท่านลุยจริงๆ ก็ลงไปในน้ำ
พอลงไปในน้ำ น้ำยังไม่ทันถูกจีวรท่าน เณรก็บอกหยุดก่อน แล้วก็ชี้ให้ดูท่านอาจารย์เห็นไหม ข้างตลิ่งนี่มีจอมปลวกร้างอยู่อันหนึ่ง คือไม่มีปลวกแล้วล่ะ มีเหี้ยตัวหนึ่งมันเข้าไปขุดโพรง
มันเข้าไปอยู่ข้างในจอมปลวกนี้ แล้วเหี้ยตัวนี้มันเจาะรูเอาไว้ 6 ทาง มี 6 รู บอกท่านจะจับเหี้ยตัวนี้ให้ได้ จะไปตะครุบรูนี้ มันก็หนีออกรูโน้น อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอก
ท่านอาจารย์ปิด 5 รู แล้วเฝ้าอยู่รูเดียว เดี๋ยวมันก็ต้องออกมา
พระโปฐิละบอกว่าเข้าใจแล้ว เข้าใจหลักของการปฏิบัติแล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กายจะกระทบอารมณ์ หรือใจจะคิดอะไรก็ช่างมันเถิด แต่เราเฝ้าอยู่อันเดียว รู้ทันความเปลี่ยนแปลงของจิตใจตัวเอง ลองทำดู แล้วมันจะไม่ได้มรรคได้ผลในชีวิตนี้ก็ให้มันรู้ไปเลย
ถ้าทำให้ได้อย่างที่บอก ศีล 5 ถือเอาไว้
ถือศีล 5 ไว้ ทุกวันทำในรูปแบบ
มีกรรมฐาน เราคอยรู้ทันจิตตัวเองไว้
มันจะสามารถเจริญสติในชีวิตประจำวันได้เข้มแข็ง
ถ้าเราไม่เคยฝึกในรูปแบบเลย ไม่มีเครื่องอยู่ ไม่มีอะไร บอกว่าจะเจริญสติในชีวิตประจำวัน ก็หลงอยู่ในชีวิตประจำวันเท่านั้นล่ะ มันดูจิตตัวเองไม่ออกหรอก
ต้องทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง
มีเครื่องอยู่ให้จิตอยู่ แล้วคอยรู้ทันจิต
ไม่ใช่อยู่กับเครื่องอยู่เพื่อสงบ อันนั้นตื้นเกินไป
อยู่เพื่อจะรู้ทันจิต แล้วทำอย่างนี้
แล้วเรามาเจริญสติในชีวิตประจำวันได้
ถ้าเราทำได้ครบ 3 อัน
ถือศีล 5 ทำในรูปแบบ เจริญสติในชีวิตประจำวัน
มันจะไม่ดีก็ให้มันรู้ไป
เราก็บอกแล้ว เราไม่ได้หวังดีหรอก แต่มันดีเองล่ะ
ของที่ไม่เคยรู้จะได้รู้ ของที่ไม่เคยเห็นจะได้เห็น
ของที่ไม่เคยปล่อยวางก็จะปล่อยวางได้
จิตมันก็จะพัฒนาเป็นลำดับๆ ไป มีความสุขอันมหาศาล
ในโลกมีแต่ความวุ่นวาย มีแต่ความทุกข์ สุขของโลก มันสุขปลอมๆ สุขของธรรมะ มันสุขแท้จริง สุขที่ยั่งยืน อยู่กับตัวเรา ไม่เสียเงินซื้อหรอก แต่ต้องลงทุนลงแรงปฏิบัติเอา …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บ้านจิตสบาย
18 ธันวาคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา