Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
•
ติดตาม
6 ก.พ. 2023 เวลา 12:19 • ธุรกิจ
“KitKat” ของขวัญตัวแทนความรักและความสำเร็จของคนญี่ปุ่น
“KitKat” ของขวัญตัวแทนความรักและความสำเร็จของคนญี่ปุ่น
กลิ่นอบอวลของเดือนแห่งความรักกำลังหอมหวานขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันวาเลนไทน์ขึ้นมาทุกที ในช่วงเวลาแบบนี้ หลายคนคงกำลังมองหาของ “ขวัญชิ้นพิเศษ” สำหรับ “คนพิเศษ” กันอยู่
แต่มีของขวัญอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วนอกจากจะนำมาใช้ในเรื่องความรักก็ได้ ยังถูกนำมาใช้สำหรับการอวยพรให้ “ประสบความสำเร็จ” ด้วย ของขวัญชิ้นนั้น นั่นคือ “ช็อกโกแลต KitKat”
ในบทความนี้ Bnomics จึงจะพาทุกท่านย้อนกลับไปดูเรื่องราวจุดกำเนิดของ KitKat (คิทแคท) และก็ที่มาของการนำมาเป็นของขวัญอวยพรความสำเร็จในญี่ปุ่นกัน
⭐️ โดยจุดเริ่มต้นของชื่อ KitKat (หรือที่ในหลายประเทศจะเขียนชื่อ Kit กับ Kat แยกกันเป็น “Kit Kat”) เชื่อกันว่า ในตอนแรกถูกนำมาใช้เรียก “พายเนื้อแกะ” ในคลับแห่งหนึ่งในเมืองยอร์ค ประเทศอังกฤษ
ซึ่งที่พวกเขาเรียกชื่อเมนูอาหารแบบนี้ นั่นเพราะว่าพ่อครัวของร้านมีชื่อว่า “Cristopher Cat” ก็เลยถูกย่อกลายมาเป็น “KitKat” นั่นเอง
โดยบริษัท Rowntree ได้นำชื่อนี้มาจดทะเบียนเป็นชื่อทางการค้าของตนเองตั้งแต่ปี 1911
และหลังจากนั้นก็ได้มีการนำชื่อ “KitKat” มาใช้สำหรับช็อกโกแลตของตนในช่วงยุคทศวรรษที่ 1920
แต่ในตอนแรกช็อคโกแลตที่ผลิตออกมาขาย ก็ยังไม่ได้มีรูปแบบเหมือนในปัจจุบันแต่เน้นขายช็อคโกแลตแบบหรูหรากว่านี้ แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก จนบริษัทต้องหยุดขาย “เจ้า KitKat เวอร์ชั่นแรก” ไปก่อน
⭐️ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นต้นกำเนิดของ “ช็อกโกแลตแท่งแบบปัจจุบัน” ที่เราได้ทานกัน
โดยเหตุการณ์นั้นมาจากการที่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทได้หย่อนความเห็นว่า “สร้างช็อกโกแลตที่คนสามารถนำใส่กระเป๋าไปที่ทำงานได้สิ”
ซึ่งไอเดียนี้ก็ถูกนำมาใช้จริง จนกลายเป็น Kitkat แบบที่พกพาง่ายพร้อมทั้งยังมีราคาที่จับต้องได้ด้วย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในปี 1935
📌 แต่ในช่วงที่บริษัทดูเหมือนจะไปได้ดี ก็เจอเข้าอุปสรรคสำคัญเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับอีกหลายบริษัทตอนนั้นด้วย นั่นคือ “การขาดแคลนวัตถุดิบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2”
ทำให้บริษัทต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เปลี่ยนจากการใช้ “ช็อกโกแลตนม” ไปเป็น “ดาร์กช็อกโกแลต” แทน และก็มีการออกแบบซองขนมสีน้ำเงินมาใช้แทนสีแดงชั่วคราว ซึ่งในปัจจุบันไม่มีเห็นอีกแล้ว
📌 ด้วยความนิยมของ KitKat ทาง Rowntree ก็ได้ขยายตลาดออกไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตลาดของประเทศสหรัฐฯ มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง
ไม่ใช่แค่ในแง่ของขนาดทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่สหรัฐฯ เป็นตลาดที่ทาง Rowntree ไม่ได้เข้าไปจัดจำหน่าย KitKat ด้วยตนเอง โดยให้สิทธิ “Hershey” ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญเป็นคนทำแทน
ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อเนื่องมาถึงยุคที่ Nestle ได้เข้ามาซื้อบริษัท Rowntree ด้วยในปี 1988 เพราะพวกเขาต้องการสิทธิในการบริหาร KitKat อย่างเต็มตัวในประเทศสหรัฐคืนมา
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนกับข้อสัญญาที่ Rowntree ทำเอาไว้กับ Hershey
อย่างไรก็ดี มันมีข้อสัญญาสำคัญอย่างหนึ่งที่กำหนดเอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ Hershey ทำการขายบริษัทต้องขายคืน KitKat มาให้กับ Nestle
ซึ่งนั่นคือประวัติพอสังเขปและเกร็ดเล็กๆ ของ KitKat ในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของพวกเขา แต่ก็ยังไม่ใหญ่ที่สุด
เพราะประเทศที่มีการบริโภค KitKat มากที่สุดในโลก คือ “ประเทศญี่ปุ่น” มากถึงขนาดที่เชื่อได้เลยว่าหลายคนคิดว่าแบรนด์นี้มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น (ผู้เขียนเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนนั้น)
⭐️ จริงๆ แล้ว KitKat ถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นในปี 1973 โดยบริษัท Fujiya เป็นผู้มีสิทธิจัดจำหน่ายในตอนแรก ลักษณะคล้ายกับกรณีของ Hershey ในสหรัฐฯ
ที่ต่างกันคือหลังจาก Nestle เข้ามาซื้อ Rowntree ในปี 1988 ก็สามารถเจรจาสิทธิการจัดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นคืนมาได้ และก็ค่อยๆ ขยายตลาดเรื่อยมา
โดยแคมเปญการโปรโมทที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง อาจจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จที่สุดครั้งหนึ่งของแบรนด์ก็ได้ นั่นคือ “การออกสินค้า KitKat รสสตรอเบอรรี่” มาขาย
แน่นอนว่ามันไม่ได้เรียบง่ายถึงขนาดนั้น นอกจากรสชาติที่เป็นที่ถูกปากแล้ว ช่วงเวลาและสถานที่จัดจำหน่ายก็ถูกคิดมาเป็นอย่างดี
โดยพวกเขาได้เลือกขาย KitKat รสสตรอเบอรี่ในช่วงการเก็บเกี่ยวสตรอเบอรี่ของเมืองฮอกไกโด และก็ขายที่เมืองนี้แห่งเดียวเท่านั้นในโลก
มันได้รับความนิยมอย่างสูงทันทีจากทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่เดินทางมาเที่ยวฮอกไกโดอยู่แล้ว จนถึงขั้นที่ผลิตไม่ทันต่อความต้องการ
ไอเดียการสร้างรสชาติใหม่ๆ ยังสืบต่อมาใน KitKat ของประเทศญี่ปุ่น โดยมีทั้งรสชาติที่เปิดขายทั่วไป และก็รสชาติที่มีขายเฉพาะพื้นที่เท่านั้น ทำให้ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นมี KitKat มากกว่า 350 รสชาติแล้ว
แต่ความสร้างสรรค์ทางด้านรสชาติไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่บริโภค KitKat มากที่สุด แต่ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมซื้อ KitKat มากๆ
⭐️ เหตุผลนั้นคือ “พวกเขาซื้อ KitKat เพื่ออวยพรให้คนรับประสบความสำเร็จ”
มีการเล่าว่าบริษัทสังเกตเห็นว่ายอดขายในช่วงเดือนมกราคมของแบรนด์ดีเป็นพิเศษ จึงพยายามหาคำตอบว่านอกจากการนำไปเป็นของขวัญทั่วไปแล้ว ผู้คนซื้อ KitKat ไปทำอะไรอีก
ซึ่งได้คำตอบว่าพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นจะซื้อ KitKat ให้กับลูกที่กำลังจะทำการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม
โดยมันมีที่มาจากชื่อ “KitKat” ที่มีการออกเสียงในญี่ปุ่นคล้ายกับวลี “Kitto Katsu” ที่แปลว่า “คุณต้องชนะอย่างแน่นอน” จึงทำให้คนญี่ปุ่นนำ KitKat มาอวยพรสำหรับความสำเร็จกันด้วยนั่นเอง
ทางบริษัท KitKat ญี่ปุ่นเองก็ได้พัฒนาต่อยอดสินค้าสำหรับการอวยพรโดยเฉพาะด้วย มีทั้งการเหลือที่ไว้ให้เขียนคำอวยพรบนซอง ไปจนถึงขั้นสกรีนคำอวยพรต่างๆ ไปบนซอง KitKat เลย
เป็นการนำโอกาสมาต่อยอดทางธุรกิจที่น่าสนใจ และมีเรื่องราวน่าติดตามไม่น้อยทีเดียวครับ ในโอกาสหน้าเราจะนำเรื่องราวของบริษัทไหนมาเล่า ก็อย่าลืมติดตามกันครับ
ผู้เขียน : ณัฐนันท์ รำเพย Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
●
https://www.snackhistory.com/kit-kat/
●
https://youtu.be/fR2GTiqt-mc
●
https://www.nytimes.com/interactive/2018/10/24/magazine/candy-kit-kat-japan.html#:~:text=The%20Kit%20Kat%20was%20first,also%20operated%20a%20cocoa%20foundry
.
●
https://www.foodnavigator-asia.com/Article/2018/12/10/KitKat-Japan-hits-350-flavour-milestone-with-matcha-taking-top-sales-spot
kitkat
ขนม
วาเลนไทน์
7 บันทึก
15
1
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
B-Industry
7
15
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย