1 ก.ค. 2023 เวลา 05:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🟢“One stock per week” [EP.2] : แนะนำหุ้นไทย🟢

🐶“บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” : [ITC]🐱
ผู้ผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง เกาะกระแสแนวโน้มใหญ่แห่งโลกอนาคต ‘Pet Humanization’ เพราะหมาและแมวไม่ได้เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง
🔗ข้อมูลจาก “รายงานประจำปี, Opportunity Day, MD&A, และบทวิเคราะห์หลักทรัพย์”
[ITC] ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงประเภทแมวและสุนัข ครอบคลุมตั้งแต่่ผลิตภัณฑ์ระดับมาตรฐานจนถึงระดับพรีเมี่ยม ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง มีส่วนประกอบหลักจากเนื้อปลาทูน่าและเนื้อไก่่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและโปรตีน บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำการรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก อันดับที่ 2 ของเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จำหน่ายกว่า 5,000 รายการ ให้บริการลูกค้ากว่า 400 รายใน 46 ประเทศทั่วโลก
🟢ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นของตนเองทั้งสิ้น 5 แบรนด์ (สัดส่วนเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังคิดเป็นประมาณ 1% จากยอดขายรวมทั้งหมด)
🔸 “Bellotta” / อาหารแมวเกรดพรีเมี่ยม
🔸 “Marvo” / อาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยม
🔸 “ChangeTer” / อาหารสุนัขและแมวเกรดพรีเมี่ยมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพไต
🔸 “Calico Bay” / อาหารแมวแบบเปียกที่ผลิตจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
🔸 “Paramount” / อาหารสุนัขแบบเปียกพรีเมี่ยม
การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์์ภายใต้้แบรนด์ Bellotta, Marvo และ ChangeTer บริษัททำการตลาดและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยผ่านทางร้านขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์์เลี้ยง คลินิกรักษาสัตว์เลี้ยง แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย และมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย พม่า มาเลเซีย ส่วนแบรนด์ Calico Bay และ Paramount บริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านทางผู้ค้าปลีกอื่นๆ
🟢บริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากการรับจ้างผลิต (OEM) / 99% และจากแบรนด์ตนเอง / 1%
🟢สัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงแบ่งตามภูมิภาค (เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง)
🔸 ทวีปอเมริกา : 49.00%
🔸 ทวีปยุโรป : 18.00%
🔸 ทวีปเอเชียและโอเชียเนีย : 31.00%
🔸 ประเทศไทย : 1.00%
🟢สัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงแบ่งตามผลิตภัณฑ์ (เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง)
🔸 อาหารแมว : 74.00%
🔸 อาหารสุนัข : 11.00%
🔸 ขนมแมว : 9.00%
🔸 ขนมสุนัข : 5.00%
🟢กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่
🔸 [TU] บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) : 78.00%
🔸 กองทุนต่างชาติ : 2.00%
🔸 สารัชถ์ รัตนาวะดี : 0.70%
🔸 น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี : 0.40%
🔸 จารุณี ชินวงศ์วรกุล : 0.40%
🔲 ตราบใดที่ “ไทยยูเนี่ยน” ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท ไทยยูเนี่ยนมีนโยบายให้บริษัทเป็นแกนนำ (Flagship) ในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยง โดยไทยยูเนี่ยนจะไม่ลงทุนและ/หรือประกอบธุรกิจที่เป็นการแข่งขันกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
🟢บริษัทย่อย 2 บริษัท
🔸 “JPN” (ญี่ปุ่น) บริษัทถือหุ้น 90% / ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง
🔸 “ITA” (อเมริกา) บริษัทถือหุ้น 100% / Holding Company โดย ถือหุ้น 100% ใน “USPN” ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมี่ยม (สร้างยอดขายประมาณ 23% จากรายได้รวม)
🟢โรงงานผลิต 2 โรงงาน (กำลังการผลิตรวม ณ ปัจจุบัน 172,786 ตัน/ปี) อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังเท่ากับ 80%
🔸 สงขลา (กำลังการผลิต 74,636 ตัน/ปี)
🔸 สมุทรสาคร (กำลังการผลิต 98,150 ตัน/ปี)
🟢ปัจจัยการเติบโตและโครงการในอนาคต
🔸 อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในบริเวณเดียวกันกับโรงงานที่สมุทรสาคร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ (2023) มูลค่าเงินลงทุน 2,100 ล้านบาท สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 18.70% ของกำลังการผลิตรวม ณ ปัจจุบัน
🔸 สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารแมว (i-Cattery) เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2023
🔸 คิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพโภชนาการเฉพาะทาง คาดการณ์ว่าจะวางจำหน่ายในปี 2023 เช่น เอนไซม์หรือคอลลาเจนที่จะช่วยเสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร ซุปกระดูกที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มูสโปรตีนสองสี (Two-tone Protein Mousse) ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และเจลาตินที่ช่วยบำรุงผิว เสริมสร้างข้อและกระดูก
🔸 อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก เช่น โปรตีนจากแมลง ซึ่งใช้อาหาร น้ำและพลังงานในการเลี้ยงน้อยกว่าการเลี้ยงวัว ไก่ และปศุสัตว์อื่นๆ อีกทั้งโปรตีนจากแมลงยังมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่า เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ
🟢ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรระมัดระวังในการลงทุน
🔸 ธุรกิจของบริษัทต้องพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่่ / บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ 3 อันดับแรกของบริษัทคิดเป็นประมาณ 47% จากรายได้ทั้งหมด
🔸 ความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างสรรค์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงความพึงพอใจ ความคาดหวัง และความต้องการของผู้บริโภค
🔸 อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง
🔸 ความผันผวนของราคาวัตถุดิบอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน / ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทเนื้อปลาและเนื้อไก่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
🔸 บริษัทประกอบธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูง
🔸 การรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานตามกฎหมายระดับสากล
🔸 ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
🟢คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A) ไตรมาสที่ 1/2023
🔸 รายได้จากการขาย 3,587 ล้านบาท (ลดลง 16.70% - YoY) / ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง อันเป็นผลมาจากปริมาณสินค้าคงเหลือค้างส่งในช่วงไตรมาส 3/2022 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
🔲 ยอดขายอาหารแมว ลดลง 20%
🔲 ยอดขายขนมสัตว์เลี้ยง ลดลง 36%
🔲 ยอดขายอาหารสุนัข เพิ่มขึ้น 20% / จากลูกค้าแบรนด์ระดับโลกรายสำคัญ และส่วนประสมผลิตภัณฑ์
🔲 ยอดขายแบรนด์ของบริษัทเอง เพิ่มขึ้น 107%
🔸 กำไรขั้นต้น 625 ล้านบาท (ลดลง 39% - YoY) / สาเหตุหลักมาจากการขายที่ลดลงของสินค้าพรีเมี่ยม เนื่องจากปริมาณสินค้าคงเหลือที่สูงของลูกค้า รายได้จากค่าระวางสินค้าที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะไก่
🔸 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (เพิ่มขึ้น 13.50% - YoY) / เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจ ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
🔸 กำไรจากการดำเนินงาน 324 ล้านบาท (ลดลง 57% - YoY) / สาเหตุหลักคือรายได้จากการขาย และรายได้จากค่าระวางสินค้าที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น
🔸 กำไรสุทธิ 425 ล้านบาท (ลดลง 53% - YoY) / สาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ลดลงจากส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ ผลกระทบจากสินค้าคงเหลือค้างส่ง ต้นทุนที่สูงขึ้น
🔸 สินทรัพย์รวม (ลดลง 1%) / จากเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง ลูกหนี้การค้าที่ลดลง
🔸 หนี้สินรวม (ลดลง 21%) / จากการลดลงของเจ้าหนี้การค้า เนื่องด้วยการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ลดลงตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่น้อยลง
🟢“Opportunity Day : Guidance 2023”
🔸 ผู้บริหารปรับลดเป้าหมาย คาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2023 ลดลงเหลือเท่ากับรายได้รวมปี 2022 (22,776 ล้านบาท)
🔸 อัตรากำไรขั้นต้น 22.50-23.50%
🔸 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&A to Sale) 6 - 7%
🔸 งบประมาณเงินลงทุน 2,100 ล้านบาท (สร้างโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่เดิมที่สมุทรสาคร)
🔸 นโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% จากกำไรสุทธิ
🟢“ข้อมูลจากบทวิเคราะห์”
สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่ลูกค้าปรับลดสินค้าคงคลังลงนั้นส่งผลกระทบสูงกว่าที่คาด ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ ITC ทั้งปี 2023 ลง 18-20% เชื่อว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/2023 น่าจะเป็นจุดอ่อนแอที่สุดของปี แล้วจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไตรมาสต่อไตรมาส ขณะที่ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงโลกยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
🟢แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง
🔸 ด้วยสภาพสังคม ณ ปัจจุบัน มนุษย์มีการเลี้ยงสัตว์ (หมา, แมว) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรมนุษย์ในอนาคต เช่น การดำรงชีวิตแบบครอบครัวขนาดเล็ก ครอบครัวเดี่ยว การอาศัยอยู่คนเดียว ค่านิยมการไม่มีลูก และสังคมผู้สูงอายุ สิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันให้มนุษย์เลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา เสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว
🔸 เมื่อสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนบุคคลหนึ่งในครอบครัว ผู้เลี้ยงจึงมีความเอาใจใส่มากขึ้น ต้องการอาหารที่มีคุณภาพมากขึ้น มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้อัตราการทำกำไรในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า และลดการแข่งขันด้านราคา
🔸 ตั้งแต่ปี 2017 – 2021 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในตลาดโลก เติบโตเฉลี่ย 5-6%/ปี และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 7%/ปี ต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกสำหรับสุนัขและแมวที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10.70%/ปี
🔸 เฉพาะในประเทศจีนมีการคาดการณ์ว่าอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมวจะมีการเติบโตเฉลี่ย 19.80%/ปี ไปอีกอย่างน้อย 4 ปีข้างหน้า
🔸 ผลสำรวจผู้เลี้ยงสัตว์ที่ตรงกับนิยามของ ‘Pet Humanization’ มากกว่า 75% มีอายุระหว่าง 18-34 ปี มีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนสัตว์เลี้ยงมากขึ้นภายในอีก 5 ปีข้างหน้า สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือมูลค่าการใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้น
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา