[Introverted investor] 🟢“One stock per week” [EP.10] : แนะนำหุ้นไทย🟢 ✅ บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) : [UTP]

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Introverted investor

•

23 ก.ค. 2023 เวลา 15:11 • ธุรกิจ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (The Stock Exchange of Thailand)

🟢“One stock per week” [EP.10] : แนะนำหุ้นไทย🟢

✅ บริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) : [UTP]

🔥หุ้นกระดาษหมื่นล้าน หนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย

“UTP” คือบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษคราฟท์ ซึ่งใช้สำหรับอุตสาหกรรมหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ ประเภทกล่องลูกฟูกและกระดาษทำผิวกล่อง มากกว่า 60 รูปแบบ (แบ่งตามประเภทและขนาด)

✴กำลังการผลิตรวมประมาณ 290,000 ตันต่อปี (อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 90%)

🟢โครงสร้างรายได้จากการขาย เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (96% ขายในประเทศไทย)

🔹 กระดาษคราฟท์สำหรับทำลอนลูกฟูก : 60%

🔹 กระดาษคราฟท์สำหรับทำผิวกล่อง : 39%

✴ลักษณะการสั่งซื้อของลูกค้าจะเป็นแบบวันต่อวัน หรือต่อสัปดาห์ ไม่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้ายาวนาน เป็นธรรมชาติของลูกค้าภายในประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเกินครึ่งมาจากอุตสาหกรรมอาหาร อื่นๆ เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์

🟢รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

🔹 ครอบครัวชินเศรษฐวงศ์ : 31% (กรรมการผู้จัดการ กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน)

🔹 บริษัท ยูเนียนเปเปอร์คารตอนส์ จำกัด : 11%

🔹 ครอบครัวมังกรกนก : 10% (ประธานกรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่)

🔹 บริษัท อาเซี่ยนคอมมอดิตี้ส์ จำกัด : 6%

🔹 นักลงทุนต่างชาติ : 4%

🔹 กองทุนรวมไทย : 3%

🔹 สุภัททา บุญนำทรัพย์ : 2% (กรรมการ)

🟢ปัจจัยการเติบโตในอนาคต และเป้าหมายจากผู้บริหาร

🔹 ผู้บริหารตั้งเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2023 รายได้รวม = 4,200 ล้านบาท ด้วยปริมาณการขาย 250,000 ตัน (ลดลงจากปีที่แล้ว)

🔹 แรงซื้ออ่อนแอ มีภาวะสินค้าล้นตลาดในภูมิภาค เนื่องจากความต้องการที่ลดลง และการขยายกำลังการผลิตเมื่อปีที่ผ่านมา

🔹 เปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับกระบวนการเตรียมวัตถุดิบใหม่ (ทดแทนเครื่องจักรเดิม) ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับกระบวนการเตรียมเยื่อได้อีก 200 ตันต่อวัน หรือเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับลูกม้วนกระดาษได้อีก 2,000 ตันต่อไตรมาส คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 250 ล้านบาท จากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท กำหนดแล้วเสร็จประมาณไตรมาสที่ 1/2023 มีระยะเวลาคืนทุนราว 1 ปี (สามารถเพิ่มกำลังการผลิตรวมได้อีก 25% ใน 2 ปีข้างหน้า : 2025)

🔹 ยังไม่มีแผนการลงทุน หรือร่วมทุนใหม่ๆกับบริษัทอื่น

🔹 ปี 2023 จะเป็นปีสุดท้ายที่ได้รับสิทธิลดหย่อน BOI

🔹 เพิ่มสัดส่วนการขายกระดาษคราฟท์สำหรับทำผิวกล่อง ให้อยู่ในสัดส่วน 50% ของรายได้รวม เพราะมีอัตรากำไรที่ดีกว่า

🔹 ลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ เน้นขายอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารเป็นหลัก ยังพอเติบโตต่อไปได้

🟢ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม

🔹 ต้นปี 2022 : บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด ซื้อหุ้นบริษัทเพิ่ม คิดเป็น 0.13% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

🔹 ปลายปี 2022 : ชิน ชินเศรษฐวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร ซึ่งที่ประชุมแต่งตั้ง มงคล มังกรกนก แทน โดย ชิน ชิน เศรษฐวงศ์ ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ และกรรมการบริหาร

🔹 ปลายปี 2022 : เกิดเหตุเพลิงไหม้ ณ บริเวณลานเก็บเศษกระดาษ ในโรงงานที่ จ.ปราจีนบุรี พบว่าวัตถุดิบจำนวนหนึ่งถูกเผาไหม้ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของบริษัทฯ

🔹 ปลายปี 2022 : วัชชระ ชินเศรษฐวงศ์ (ผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการ) ซื้อหุ้นบริษัทเพิ่ม คิดเป็น 8.96% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ (คาดว่าเป็นการรับโอนหุ้นมาจาก ชิน ชินเศรษฐวงศ์)

🔹 ปลายปี 2022 : ไตรมาส 4/2022 บริษัทรับรู้ค่าใช้จ่ายผลเสียหายจากไฟไหม้รวมจำนวน 167 ล้านบาท หักลบกำไรแล้วส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 9 ล้านบาท (เคลมประกันได้ 80% จากมูลค่าความเสียหาย รับรู้รายได้ไตรมาสที่ 3/2023)

🔹 กลางปี 2023 : มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ

🟢คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A) ไตรมาสที่ 1/2023

🔹 รายได้จากการขาย = 1,147 ล้านบาท ลดลง 23% (ราคาซื้อวัตถุดิบเศษกระดาษลดลง ทำให้ราคาขายสินค้าลดลง)

🔹 กำไรขั้นต้น = 251 ล้านบาท ลดลง 24%

🔹 กำไรสุทธิ = 210 ล้านบาท ลดลง 24%

🔹 ในไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มแย่กว่าไตรมาสนี้ เนื่องจากมีวันหยุดเยอะ วันทำงานลดลง เศรษฐกิจชะลอตัว การส่งออกหดตัว

🟢ปัจจัยความเสี่ยงในการดำเนินกิจการ

🚫 ความเสี่ยงจากการพึ่งพึงลูกค้ารายใหญ่ : “UTP” มีรายได้ค่อนข้างกระจุกตัวมาจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ 4 ราย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทด้วย อีกทั้งยังมีกรรมการบริษัทร่วมกัน เป็นจำนวนเงินมากกว่า 48% ของรายได้รวมทั้งหมด และมีกลุ่มลูกค้าอีก 12 ราย ที่มีสัดส่วนกว่า 32% จากรายได้รวม กล่าวโดยสรุปคือ รายได้ทั้งหมดของ ‘UTP’ มากกว่า 80% มาจากการสั่งซื้อของลูกค้าเพียง 16 ราย (อีก 20% ที่เหลือมาจากลูกค้าประมาณ 30 ราย)

▪ บริษัท ยูเนียนเปเปอร์คารตอนส์ จำกัด เป็นลูกค้าของ ‘UTP’ คิดเป็นสัดส่วน 22% ของรายได้รวม

▪ บริษัท ยูเนียนคาร์ตอน อินดัสทรีย์ จำกัด เป็นลูกค้าของ ‘UTP’ คิดเป็นสัดส่วน 18% ของรายได้รวม

▪ บริษัท ยูไทย คาร์ตอนส์ จำกัด เป็นลูกค้าของ ‘UTP’ คิดเป็นสัดส่วน 7% ของรายได้รวม

▪ บริษัท ยูเนียน แอนด์ โอจิ อินเตอร์แพ็ค จำกัด เป็นลูกค้าของ ‘UTP’ คิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม

🚫 ความเสี่ยงจากการถูกคู่แข่งตัดราคา : ตลาดอุตสาหกรรมกระดาษคราฟท์ในภาพรวม มีกำลังการผลิตที่สูงกว่าความต้องการซื้อ จึงมีภาวะการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ซึ่งการกำหนดราคามาจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาด

▪ ตอนนี้มีสินค้าจากโรงงานมาเลเซีย และเวียดนาม นำเข้ามาขายยังประเทศไทยในราคาถูก ถูกตัดราคา บริษัทจึงต้องลดราคาขายลง

🚫 ความเสี่ยงจากการพึ่งพาคู่ค้าเพียงรายเดียว : “UTP” สั่งซื้อน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญจากบริษัทผลิตน้ำเพียงรายเดียว จึงเสี่ยงในการถูกยกเลิกสัญญา หรือกำหนดราคาขายที่สูงกว่าราคาตลาด (บริษัท ปราจีนแลนด์ จำกัด ซึ่งมีกรรมการบริษัทร่วมกัน)

แนวโน้มอุตสาหกรรมกระดาษคราฟท์ ปี 2023

✴แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2023 ยังมีแนวโน้มชะลอตัว สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโต 3.5% จากการบริโภคภาคครัวเรือน การท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออก

✴อุตสาหกรรมกระดาษคราฟท์ในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตได้ 3-4% จากการที่จีนเปิดประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการนำเข้า/ส่งออก

🟢ข้อมูลเพิ่มเติมจากตลาดหลักทรัพย์

▶ P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของ UTP = 10 เท่า

▶ P/E เฉลี่ย 4 บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมกระดาษ ณ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก = 6 - 7 เท่า

▶ P/E ของ UTP ณ ปัจจุบัน = 11 เท่า

▶ รายได้รวมเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง = 4,200 ล้านบาท

กล่าวโดยสรุปแล้ว “UTP” ทำธุรกิจผลิตกระดาษลอนลูกฟูกและผิวกล่อง ขายให้กับบริษัทผู้ผลิตกล่องกระดาษ (ลังพัสดุ กล่องบรรจุภัณฑ์) เพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จอีกต่อหนึ่ง กลุ่มลูกค้าหลักของ UTP คือบริษัทผู้ผลิตกล่องกระดาษในเครือ 4 ราย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ UTP เอง และมีกรรมการบริหารร่วมกัน นับเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% จากยอดขายทั้งหมด

สิ่งนี้อาจเป็นทั้งจุดแข็งและจุดเปราะบางไปพร้อมๆกัน ลูกค้าทั้งหมดของ UTP จากยอดขายทั้งหมด มีไม่ถึง 50 ราย เทียบกับมูลค่าบริษัทนับหมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2022 ถือว่านักลงทุนใส่ความมั่นใจเข้าไปมากพอสมควร

การทำธุรกิจซื้อขายกับบริษัทในเครือเดียวกันเอง ข้อดีก็คือความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างกัน และแนวทางดำเนินกิจการในภาพร่วมที่สอดคล้องกัน ข้อเสียหลักๆเลยคือการเติบโตของ UTP ที่จำกัด และจำเป็นต้องพึ่งพากลยุทธ์ การดำเนินงาน ผลประกอบการของกลุ่มลูกค้าหลักเป็นสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อยอดคำสั่งซื้อที่จะส่งตรงมายังบริษัท

สิ่งที่เราควรค้นหาคำตอบให้ได้ก่อนเข้าลงทุนใน “UTP” คือความสม่ำเสมอของยอดขาย กลุ่มลูกค้าหลักที่กระจุกตัว ความผันผวนของราคาวัตถุดิบสำคัญ เช่น เยื่อกระดาษ ถ่านหิน การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม การขายตัดราคาของคู่แข่ง กำลังการผลิตในตลาดโลกที่สูงล้นเกินกว่าความจำเป็น สินค้าที่บริษัทผลิตยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดเสมอ เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

UTP ผลิตสินค้าเพื่อขายภายในประเทศเป็นหลัก ความน่าสนใจคือความสม่ำเสมอของรายได้ และเงินปันผลที่บริษัทจ่ายออกมาในระดับสูง แต่ความน่ากังวลใจในอนาคตยังมีอีกหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องโอกาสในการเติบโต การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และการพึ่งพาลูกค้าเพียงไม่กี่ราย

⭕ บทความนี้เป็นเพียงการรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพจากรายงานประจำปีของบริษัทและข้อมูลข่าวสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหาอ่านได้ทั่วไป ไม่มีเจตนาในการชี้นำ เชิญชวน โน้มน้าว ให้เกิดการลงทุน ซื้อหรือขายหลักทรัพย์แต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้ความรู้และความเข้าใจ เพื่อกำหนดเส้นทางการลงทุนของตนเอง

ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

🟢“One stock per week” : แนะนำหุ้นไทย🟢

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

🟢“One stock per week” [EP.10] : แนะนำหุ้นไทย🟢

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน