[Introverted investor] 🟢“One stock per week” [EP.15] : แนะนำหุ้นไทย🛡 ✅ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : MTI

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Introverted investor

•

13 พ.ย. 2023 เวลา 14:20 • ธุรกิจ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (The Stock Exchange of Thailand)

🟢“One stock per week” [EP.15] : แนะนำหุ้นไทย🛡

✅ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : MTI

🛻ภารกิจเกือบศตวรรษของลูกหลานชาวจีน ประวัติศาสตร์กวางอันหลง ตระกูลล่ำซำ สู่ทายาทรุ่นที่ 5 บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกที่มีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย

🕞‘บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)’ หรืออักษรย่อ ‘MTI’ สำหรับการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 1932 โดยใช้ชื่อว่า “กวางอันหลงประกันภัย” นับอายุอานามก็ 90 ขวบปีพอดิบพอดี

อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทรับประกันวินาศภัยไทย อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทยเลยก็คงไม่ผิดนัก จากนั้นธุรกิจมีการขยายตัวเรื่อยมาและเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ล่ำซำประกันภัยและคลังสินค้า จำกัด” ธุรกิจหลักคือการรับประกันวินาศภัยและการขนส่งสินค้า ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)”

🔁ต่อมาเพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจ จึงเกิดการควบรวมกิจการระหว่าง “บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)” เข้ากับ “บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด” เมื่อปี 2008 และใช้ชื่อว่า “บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : MTI” จนถึงปัจจุบัน กล่าวมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจจะเริ่มสับสน เรามาใช้พื้นที่ในย่อหน้าถัดไปอธิบายขยายความกันสักหน่อย

เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมก็เป็นไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่มีความสับสนและมึนงงว่า ทำไมบริษัทประกันในไทยถึงตั้งชื่อคล้ายกันชวนให้ปวดหัว ‘ไทยประกันชีวิต’ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ ‘เมืองไทยประกันภัย’ ก่อนอื่นเราจะตัด ‘ไทยประกันชีวิต’ ทิ้งไปก่อนในโพสต์นี้เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ส่วน ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ และ ‘เมืองไทยประกันภัย’ นั้นมีผู้ก่อตั้ง เจ้าของ และผู้บริหารกลุ่มเดียวกันนั่นคือ “ตระกูลล่ำซำ” ครอบครัวใหญ่ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการสถาบันการเงินไทยที่เราทราบกันดี

✴“บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)” ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัย ก่อตั้งและบริหารโดย “ตระกูลล่ำซำ”

✴‘บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)’ เดิมมีสถานะเป็นหน่วยงานหนึ่งใน ‘บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)’ ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัย ก่อตั้งและบริหารโดย “ตระกูลล่ำซำ” เช่นกัน

ซึ่ง ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ แต่เดิมนั้นรับประกันทุกประเภทแบบครบวงจร จุดเปลี่ยนมันเกิดขึ้นจากการมาของ พ.ร.บ. ประกันวินาศภัย (พ.ศ.2535) ที่มีข้อบังคับให้การประกันชีวิตและการประกันภัยประเภทอื่นต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ส่งผลให้ในปี 1998 ‘เมืองไทยประกันภัย’ จำเป็นต้องแยกตัวออกมา จากนั้นจึงมาควบรวมกิจการกับ “บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)” ในท้ายที่สุดและใช้ชื่อเดิม

เปรียบเสมือนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจภายในตระกูลล่ำซำ เพื่อแยกธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยออกจากกันเป็น 2 บริษัท เนื่องด้วยถูกข้อกฎหมายบังคับให้จำเป็นต้องดำเนินตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

☮กลับมาที่ ‘บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : MTI’ ณ ปัจจุบัน ผ่านเวลามากว่า 90 ปี เปลี่ยนผ่านผู้บริหารมาถึง 5 รุ่น ดำเนินธุรกิจด้านการรับประกันวินาศภัย โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น 4 ประเภท

1⃣ ประกันอัคคีภัย (สัดส่วน 9.00%)

2⃣ ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (สัดส่วน 1.00%)

3⃣ ประกันภัยรถยนต์ (สัดส่วน 56.00%)

4⃣ ประกันภัยเบ็ดเตล็ด (สัดส่วน 34.00% เป็นประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 10.00%)

✳ตัวเลขที่สำคัญ คำนวณจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (ไม่ใช่ปีล่าสุด)

🔹เบี้ยประกันภัยรับรวม : 15,800 ล้านบาท / อัตราการเติบโตย้อนหลังเฉลี่ย 9.00% ต่อปี

🔹เบี้ยประกันภัยรับสุทธิ : 8,200 ล้านบาท (52% จากเบี้ยรับรวม)

🔹เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิ : 7,800 ล้านบาท (49% จากเบี้ยรับรวม)

🔹รายได้ค่าจ้างและค่าบำเหน็จ : 2,100 ล้านบาท

🔹รายได้จากการประกันภัย : 10,000 ล้านบาท

🔹รายได้จากการลงทุน : 489 ล้านบาท

🔹รายได้รวม : 10,500 ล้านบาท / อัตราการเติบโตย้อนหลังเฉลี่ย 6.00% ต่อปี

🔹ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย : 8,200 ล้านบาท

🔹กำไรจากการรับประกันภัย ก่อนค่าใช้จ่ายดำเนินงาน : 1,800 ล้านบาท

🔹กำไรจากเงินลงทุน : 15 ล้านบาท

🔹กำไรสุทธิ : 722 ล้านบาท / อัตราการเติบโตย้อนหลังเฉลี่ย 5.00% ต่อปี

🟠“บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด” ได้ควบรวมกิจการกับ “บมจ. ภัทรประกันภัย” เมื่อปี 2008 ซึ่งมีเงินลงทุนเดิมในหลักทรัพย์นอกตลาดก่อนควบรวมกิจการ ปัจจุบัน ‘MTI’ มีเงินลงทุนที่ถือหุ้นเกิน 10% อยู่ใน 3 กลุ่มธุรกิจด้วยกันดังนี้

1⃣ กลุ่มธุรกิจรับประกันภัย : 22% (บริษัท เอสที เมืองไทยประกันภัย ในประเทศลาว)

2⃣ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ : 14% (บริษัท คาร์กิลล์สยาม จำกัด ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์)

3⃣ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ : 11% (บริษัท เมืองไทยเรียลเอสเตท ประกอบธุรกิจโรงแรม เบลลาวิลล่า และอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า)

🔵รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

🚻บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด : 20.00%

🚻ตระกูลล่ำซำ : 17.15% (มีรายชื่อนั่งอยู่ในบอร์ดบริหาร 4 ราย)📌

🚻AGEAS INSURANCE INTERNATIONAL N.V. : 12.20%

🚻บริษัท เมืองไทยโฮลดิ้ง จำกัด : 5.20%

🚻บริษัท ภัทรสัมพันธ์ จำกัด : 2.33%

💟ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ ‘MTI’ มั่นใจ

1⃣ การดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 90 ปี ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งและความเป็นมืออาชีพ พร้อมทั้งการมีฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมากเพื่อกำหนดการรับประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

2⃣ ผู้บริหารสูงสุด ณ ปัจจุบันคือ ‘นวลพรรณ ล่ำซำ’ นั้นมีชื่อเสียง ได้รับความนิยม และมีภาพลักษณ์ที่ดี ส่งผลทำให้สินค้าและบริการของ ‘MTI’ ได้รับการตอบรับที่ดีตามไปด้วย

3⃣ มีพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งมีศักยภาพสูง สามารถใช้เป็นช่องทางการขายและให้บริการได้

กลุ่มเป้าหมายของบริษัทคือ ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสินเชื่อ ผ่านทางตัวแทนรายย่อย ธนาคารกสิกรไทย และพันธมิตร รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ที่จะมีการเติบโตสูงในอนาคต

🎈“ธุรกิจประกันวินาศภัย (ประกันภัยอื่นๆที่ไม่ใช่ประกันชีวิต)”

การเติบโตเฉลี่ยของเบี้ยประกันภัยรับตรง ย้อนหลัง 20 ปี (2002 - 2022) อยู่ที่ประมาณ 7 – 8% ต่อปี สูงขึ้นจาก 60,000 ล้านบาทในปี 2002 มามีมูลค่าประมาณ 270,000 ล้านบาทในปี 2022 ขณะที่การเติบโตย้อนหลัง 5 ปีล่าสุดเฉลี่ยประมาณ 4 – 5% ต่อปี สัดส่วนประเภทเบี้ยประกันวินาศภัยต่อปีโดยประมาณคือ

🔗 ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ : 50% (135,000 ล้านบาท)

🔗ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล : 12% (32,000 ล้านบาท)

🔗ประกันภัยทรัพย์สิน : 11% (30,000 ล้านบาท)

🔗ประกันภัยเบ็ดเตล็ด : 8% (22,000 ล้านบาท)

🔗ประกันสุขภาพ : 7% (19,000 ล้านบาท)

🔗ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ : 7% (19,000 ล้านบาท)

🔗ประกันอัคคีภัย : 4% (11,000 ล้านบาท)

🔗ประกันภัยทางทะเล : 2% (5,000 ล้านบาท)

ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทยมี ‘Loss Ratio’ อยู่ที่ประมาณ 60 – 70% กล่าวคือรายได้จากเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งหมดที่บริษัทได้รับจากลูกค้า จะถูกนำจ่ายเป็นค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันประมาณ 60 – 70% เหลือเป็นรายได้สุทธิคร่าวๆ เข้าบริษัทจริงๆประมาณ 30 – 40%

🛡“ส่วนแบ่งทางการตลาดรวมของธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย ณ ปี 2022”

1⃣ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) : 15%

2⃣ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : 12%

3⃣ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) : 9%

4⃣ บริษัท โตเกียวมารีนประกันภัย จำกัด (มหาชน) : 7%

5⃣ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : 6%

🔴บริษัทประกันภัย 15 อันดับแรกจากทั้งหมด 51 บริษัทในประเทศไทยกินส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้วกว่า 75 – 80%

📌มองให้ลึกลงไป ‘MTI’ ยังครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 3 (12%) ในตลาดประกันอัคคีภัย อันดับที่ 4 (7%) ในตลาดประกันภัยรถยนต์ และอันดับที่ 4 (6%) ในตลาดประกันภัยเบ็ดเตล็ด

📌ส่วนแบ่งทางการตลาดของ ‘MTI’ ในอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.00% รั้งอันดับที่ 5 และมีเป้าหมายที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคตเพื่อกินส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 8.00% หากพวกเขาสามารถทำได้จริงล่ะก็ อาจขยับไปเป็นบริษัทในอันดับที่ 3 หรือ 4 เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกันทั้งตนเอง อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และสำคัญเลยคือคู่แข่งขันก็คงเขี้ยวลากดินไม่แพ้กัน

📌ณ สิ้นปี 2022 มีลูกค้ากว่า 5.1 ล้านคน (2.5 ล้านกรมธรรม์)

💌“ยิ้มได้ เมื่อภัยมา” คือคำขวัญประจำใจของ ‘MTI’ ที่มอบให้แก่ลูกค้า ลองมาจับตาดูกันว่า ในฐานะนักลงทุน ผู้ถือหุ้น จะยิ้มตามได้หรือเปล่า?

⭕ บทความนี้เป็นเพียงการรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพจากรายงานประจำปีของบริษัทและข้อมูลข่าวสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหาอ่านได้ทั่วไป ไม่มีเจตนาในการชี้นำ เชิญชวน โน้มน้าว ให้เกิดการลงทุน ซื้อหรือขายหลักทรัพย์แต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้ความรู้และความเข้าใจ เพื่อกำหนดเส้นทางการลงทุนของตนเอง

ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ 🙂

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

🟢“One stock per week” : แนะนำหุ้นไทย🟢

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

🟢“One stock per week” [EP.15] : แนะนำหุ้นไทย🛡

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน