2 มิ.ย. เวลา 07:27 • ปรัชญา

สิ่งเหล่านั้นจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีอยู่จริง

" เขาไม่ได้บอกให้เราอยู่กับปัจจุบันนะ
แต่ให้เรา ‘เห็น’ ปัจจุบันคือสภาพที่เกิดและดับ
ให้เราเห็นสิ่งนี้ สิ่งที่เกิดและดับ
เพราะถ้าเราบอกว่า “อยู่กับปัจจุบัน”
อยู่ยังไง
ก็คือมาเห็นสิ่งที่เกิดที่ดับนี่เอง
เขาเรียกว่าอยู่กับปัจจุบัน
แท้ที่จริงแล้ว
อดีตคือสิ่งที่ดับไปหมดแล้ว ไม่มีอยู่เหลือแล้ว
อนาคตคือสิ่งที่ไม่มี เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น
ปัจจุบันคือสิ่งที่กำลังจะดับ
คำว่า “กำลังจะดับ”
หมายถึงว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับ
คำว่า “ดับ” คือ
ขณะที่เกิดเป็นขณะเดียวกันกับที่ดับ
พอเข้าใจไหม
เพราะอะไร
มันจะมีลักษณะที่เรียกว่า
“ของเก่าดับไป ของใหม่เกิดขึ้นมาแทน”
อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาแทนปุ๊บ อันเก่าก็จะดับทันที
พร้อมกันเลย ไม่ก่อนไม่หลัง
ด้วยความที่มันเกิด-ดับโดยที่ไม่ก่อนไม่หลังนี่เอง
มันจึงคงสภาพรูปร่างไว้
เพราะมันเกิดขึ้นแล้วก็ดับแบบรวดเร็วสืบเนื่องกันไม่ขาดสาย
จึงคงสภาพความเป็นรูปร่างของสิ่งนั้นไว้
เราเลยไม่เห็นการดับ
เมื่อเราไม่เห็นการดับ
เราจึงสำคัญมั่นหมายในกายสังขารและจิตสังขารว่าเป็นตนขึ้นมาได้
เพราะเราไม่เคยเห็นการดับ เราเลยเห็นแต่สิ่งที่กำลังปรากฏอยู่
แล้วเราเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่นี้คือปัจจุบัน
จริง ๆ ไม่ใช่
คำว่าปัจจุบันคือ “เห็นสิ่งที่กำลังจะดับ”
เพราะการเห็นสิ่งที่กำลังเกิดมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์
แต่เห็นสิ่งที่กำลังดับจะทำให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง อย่างถูกต้อง
ว่าสิ่งที่กำลังตั้งอยู่คือสิ่งที่กำลังจะดับอยู่ตลอดเวลา
นั่นหมายถึงว่า
แม้ตัวเรากำลังตั้งอยู่ในขณะนี้ เราก็กำลังจะดับ
คำว่า “กำลังจะดับ” นี่
มันไม่ได้มีช่วงเวลารอเพื่อที่จะดับนะ
แต่มันดับเลยในขณะนั้น
ถ้าคนเห็นการเกิด-การดับนี่จะเห็นการดับเลยในขณะนั้นทันที
กระบวนการเหล่านี้จะต้องอาศัยสติและสมาธิที่ดีพอ
จึงจะสามารถเข้าใจและเห็นได้
แต่เราจะไม่เห็นมันเลยทีเดียว
ในชั่วขณะที่พริบตานั้น ถูกอธิบายไว้ว่า
การเกิด-ดับนั้นเป็นสิบล้านครั้ง
ด้วยความที่มันเกิด-ดับแบบรวดเร็ว สิบล้านครั้งนี้
การสืบเนื่องของมันจึงคงความเป็นสภาพปรากฏ
เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างปรากฏและตั้งอยู่และมีอยู่จริง
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีอยู่จริง... "
พระอาจารย์ต้น ธรรมนาวา (จารุวณฺโณ ภิกฺขุ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา