15 ธ.ค. 2019 เวลา 01:08
ความลับเรื่องสุขภาพ 2
วันนี้ได้อ่านบทความของอาจารย์ธีระ วรธนารัตน์ เรื่อง Health Literacy ทำให้นึกอยากโพสต์ Series ใหม่ "ความลับเรื่องสุขภาพ" แต่ก่อนอื่น ขอสรุปเรื่อง Health Literacy ให้ฟังก่อน โดยไม่เกี่ยวกับบทความที่จะเขียนเลย
การเมืองภายใต้นโยบายของพรรคภูมิใจไทย เรื่องกัญชา ทำให้เกิดความขัดแย้งในทางวิชาการ เรื่องประโยชน์ของกัญชา มีการอ้างที่เกินจริง โดยประชาชนทั่วไปไม่รู้จะหาข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงได้ที่ไหน
Health Literacy เป็นความรอบรู้ทางสุขภาพ ที่คนทั่วไปสามมารถเข้าถึงได้ ในสถานการณ์ที่เกิดปัญหา โดยข้อมูลถูกต้องเป็นจริง เข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องคิดต่อแบบ คิดเองเออเอง อาจารย์สนับสนุนให้รัฐทำเรื่องนี้
Health Literacy เป็นเรื่องที่ใครๆก็อยากได้ แต่ในชีวิตจริงแล้วเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะความรอบรู้นั้นต้องเกิดจาก การรู้หมดและรู้จริงเสียก่อน ทั้งๆที่เรื่องสุขภาพยังมีความลับหรือคำถามที่ยังตอบไม่ได้อยู่อีกมาก รวมถึงคำถามในทุกๆเรื่องที่ผมเคยโพสต์มาแล้ว
การทำงานภายในร่างกายนั้น เป็นกลไกทางวิทยาศาสตร์ จึงมีกฏเกณฑ์ที่แน่นอน เพียงแต่เราเข้าใจหลักการหรือไม่ ? ทุกครั้งที่มีไข้ ปวดหัว ปวดท้อง ฯลฯย่อมเป็นสัญญาณว่า ได้เกิดความผิดปกติขึ้นในร่างกายเราแล้ว
การแก้ปัญหา(Fix) จึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยการสะสมความรู้มานานกว่า 200 ปี ทำให้เข้าใจสิ่งผิดปกติที่เกิดอย่างเป็นระบบ จนสามารถนำมาเขียนเป็นตำราได้ การแก้ไขที่ได้ผลดีทุกครั้ง ก็กลายมาเป็นการรักษา( Treatment )
ในร่างกายมีระบบที่ซับซ้อนหลายระบบมาอยู่และทำงานร่วมกัน การรักษาต้องวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนนี้อย่างละเอียด จึงจำเป็นต้องแยกส่วนทีละระบบเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ และเป็นที่มาของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค
แต่ธรรมชาติ(วิทยาศาสตร์ )ที่ซับซ้อนไม่เคยยินยอม จึงเกิดปัญหาข้ามระบบได้ เช่น ยาโรคกระดูกจึงไปทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ ยาลดกรดก็ทำให้้ไตเสื่อมได้ฯลฯ
ความลับเรื่องสุขภาพที่เราเกือบลืมไปแล้ว คือสุขภาพมี 2 ด้าน การรักษากับการป้องกัน ที่เรียกกันว่า "ซ่อมกับสร้าง" ทั้ง2ด้านนี้มีจุดหมายปลายทางที่เหมือนกับ คือทำให้เราปลอดโรค จึงไม่มีผิดหรือถูกเมื่อเราใช้วิธีใดก็ตาม ปัญหาอยู่ที่ใช้แล้วมีประสิทธิภาพจริงหรือเปล่า?
การป้องกันโรคจึงเป็นความลับด้านสุขภาพที่สำคัญที่สุด ถ้าเราใช้ข้อมูลทางการรักษา(ตำราแพทย์)มาเป็นแนวทางเพื่อหาวิธีป้องกันโรค จะทำให้เราสับสนและหลงทางได้ เพราะข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเป็นโรคแล้ว ถ้าเราต้องการให้การป้องกันได้ผล100% ต้องเข้าใจการทำงานของร่างกายตั้งแต่ก่อนเกิดโรคเสียก่อน
การสั่งการจากสมอง
ร่างกายทำงานเป็น2ขั้น เริ่มจากสมองสั่งให้เริ่มทำงาน(ระบบสั่งการ หรือ Signaling ) กับระบบทำงานของอวัยวะต่างๆ ( Organ function ) ข้อแตกต่างของ2ระบบนี้ คือระบบสั่งการเป็นฟิสิกส์ แต่ระบบทำงานเป็นเคมี การรักษาจึงเริ่มแก้ที่ระบบทำงาน แต่การป้องกันต้องไปเริ่มที่ระบบสั่งการ
ระบบสั่งการเป็นความลับมานานจนถึงทุกวันนี้ มีเพียงระบบเดียวเท่านั้นที่เรายอมรับ คือระบบโครงสร้างที่มีกระดูกและกล้ามเนื้อ โดยสั่งการเป็นไฟฟ้าผ่านเส้นประสาท ทำให้ส่วนต่างๆในร่างกายเคลื่อนไหวได้ และสามารถเปลี่ยนแปลงให้ช้าเร็วหรือหยุดได้
ระบบสั่งการของอวัยวะที่เหลือ เช่นหัวใจเต้นได้อย่างไร ใครสั่ง? ตับ ไต ปอดฯลฯทำงานได้เองใช่ไหม ในอดีตเมื่อ400 ปีก่อนเคยมีคำอธิบายว่า เกิดจากพลังชีวิต แต่สุดท้ายก็ถูกทำให้หมดความเชื่อไป เพราะหาไม่พบ ไม่มีอวัยวะไหนเป็นเจ้าภาพสร้างพลังงานชีวิตนี้
จนเมื่อ7ปีก่อน นักวิจัยพบการทำงานของไมโตคอนเดรีย สามารถสร้างให้เกิดพลังงานได้ และเชื่อว่านี่คือพลังชีวิต
ผมนำมาต่อยอดว่า ระบบสั่งการของอวัยวะที่เหลือเกิดจากไมโตคอนเดรีย ซึ่งแตกต่างจากการสั่งการด้วยไฟฟ้าบนเส้นประสาทในระบบโครงสร้าง คือ บังคับให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น หัวใจจะบังคับให้เต้นเร็วหรือช้าไม่ได้ ความสำคัญของการสั่งการผ่านไมโตคอนเดรีย คือความคงที่สม่ำเสมอ เพราะการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ความคงที่สม่ำเสมอที่ปรากฏออกมา เลยทำให้เราเข้าใจผิดว่า ทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีใครสั่ง แต่พอระบบสั่งการผิดปกติ ทำให้เกิดโรคจากคำสั่งผิดปกติเรากลับไปเข้าใจว่าเริ่มจากอวัยวะนั้นทำงานผิดปกติ จึงแก้ปัญหาโดยการรักษาแบบแยกส่วน(เฉพาะทางสำหรับอวัยวะนั้น) ทำให้โรคไม่หายขาด
ความลับเรื่องสุขภาพยังมีต่ออีก ค่อยติดตามต่อนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา