27 พ.ย. 2020 เวลา 01:08 • ท่องเที่ยว
ช๑๐๒_วัดมหาธาตุอยุธยา ต้นทางมหาธาตุแห่งอาณาจักร
○มหาธาตุหมุดหมายเมือง○
.
......มหาธาตุ กลางเมืองอยุธยาองค์นี้ ถือเป็นต้นทางความคิดของบรรดาการสร้างมหาธาตุในลักษณะที่เป็นปรางค์อื่นๆตามหัวเมืองต่างๆในรุ่นต่อมา และเป็นการสร้างรูปแบบวิธีการที่นำความคิดของปราสาทหินเขมรโบราณซึ่งยุคนั้น ถือเป็นอารยะสถาปัตยกรรม การเปลี่ยนรูปแบบของฮินดูให้กลายเป็นพุทธอาจทำมาก่อนหน้านั้นแล้วในรุ่นปลายสมัยของขอม การใช้อิฐเผาตามลักษณะพื้นที่*นั้น กับอาคารสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ ถือเป็นต้นทางทางสถาปัตยกรรมของอยุธยาตอนต้นเลยทีเดียว แต่การสร้างแม้จะไม่ชัดเจนเรื่องเวลานักก็ถือในตอนนี้ว่าอยู่ในสมัยขุนหลวงพะงั่วกับพระราเมศวรซึ่งเป็นรัชกาลที่สองสามสี่ ของอยุธยาโดยอาจมีความคิดที่จะสร้างมาก่อนนั้นแต่เสร็จในยุคของท่านทั้งสอง เมื่อสร้างเสร็จก็กลายศูนย์กลางเมือง และผูกคตินำไปทำตามเมืองต่างๆด้วยการเป็นประโยชน์ทางการเมืองด้วย แต่ละเมืองก็มีความรู้สึกของความเป็นอยุธยา มหาธาตุชานเมืองในหลายพื้นที่ เช่นเชียงชื่นหรือเชลียง พิษณุโลกก็ดี ยังมีข้อสันนิษฐานว่าดั้งเดิมอาจเป็นเจดีย์หรือมหาธาตุทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ของรัฐสุโขทัย และเมื่ออยุธยาเข้ามาปกครองก็สร้างมหาธาตุครอบทับไว้
*ขอมใช้หินสร้าง
รูปสมัยรัชกาลที่๕ก่อนที่องค์มหาธาตุจะล้มสังเกตุว่ามีคลองมีเรือพายด้วย หรือน้ำหลากเข้ามา
ความใหญ่โตของมหาธาตุองค์นี้มีเหตุอันต้องพังทลายมาเป็นสองครั้งสองคราคือยุคพระเจ้าทรงธรรมและในรัชกาลที่๕กรุงรัตนโกสินทร์ของเรานี่ เฉพาะในรุ่นรัชกาลที่๕นี้ เรายังพอได้เห็นรูปถ่ายขององค์ปรางค์ก่อนที่จะล้ม ผมไม่แน่ใจว่าความคิดในการซ่อมแซมในแต่ละรุ่นที่ผ่านมามีบ้างหรือไม่อย่างไร หรือไม่เช่นนั้นก็คิดโครงการสร้างใหม่ขึ้นมาใหม่เลยในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกลางเมืองอยุธยามากนักสร้างในสัดส่วนที่เท่าจริงเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ จะเป็นในแง่ความศรัทธาต่อศาสนาก็ดีหรือในแง่ของการศึกษาโบราณคดีก็ดีในส่วนตัวผมคิดว่าคุ้มค่าทั้งสิ้น อาจจะน่าสนใจกว่าการสร้างรูปเคารพองค์ใหญ่องค์โตของเกจิอาจารย์หรือแม้แต่รูปเคารพนอกศาสนา ในพื้นที่ของวัดในศาสนาพุทธ ที่พวกเราทำกันจนกลายเป็นความนิยมแห่งยุคสมัยเลยทีเดียว
๏๑.ขุนหลวงพะงั่วเสกสร้าง มหาธาตุ
ต่อราเมศวรแปงตาม สำเร็จแก้ว
กลางเมืองศูนย์ใจผงาด ชนชาว
กลางอยุธเยศงามแพร้ว ปักกลาง ฯ
๏๒.ผ่านสมัยผ่านยุคครั้ง เรืองรุ่ง
ผ่านกระษัตริย์กระจ่าง ปรุงไล้
ทรงธรรมปรางค์จำรุง โค่นลง
จึ่งเจ้าปราสาททองไท้ เสริมคง ฯ
๏๓.คามวาสีชื่อชั้น สังฆราช
อารามเอกธานียง สว่างแก้ว
ใหญ่ขามดูอดีตอาจ ทาบสรวง
ทลายล้มสมัยปิยะแล้ว ร้าวใจ ฯ
*เดี๋ยวจะมีวัดอรัญวาสีอีกวัดหนึ่งในอยุธยา
๏๔.อัคคีผลาญเพลิงไหม้ ท่ามองค์
ร่องรอยเสียกรุงไกร เจ็บเค้น
ซากผนังยังเหลือองค์ ปรางค์แล้ง
โบสถ์วิหารกุฎิเร้น ประลัย ฯ
แต่ก่อนท่านคันธารราฐที่ปัจจุบันอยู่วัดหน้าพระเมรุนั้น อยู่ที่วัดมหาธาตุ
๏๕.มณีคันธารราฐห้อย พระบาท
กล่นเกลื่อนบนซากสมัย อารามแล้ง
นั่งเกล้าซ่อมพระเมรุมาด หมดจด
อัญเชิญพุทธศิลาแจ้ง ค้ำชื่อ ฯ
" ความเจริญบางครั้งเป็นเพียงรูปแบบแต่ที่รากแล้วความเจริญช่วยอะไรเราไม่ได้เลย"
๏๖.เห็นคนชมชื่นแล้ว เศียรพระ
อันรากไม้รัดแล้วหรือ งามถ้วน
"ทางแก้ว"คิดย้อนน่ะ ขมขื่น
คือเราละเลยล้วน ทำนุแก้ว๚ะ
*ขอโทษที่ผมไม่ลงรูปดังกล่าวที่ใครๆเรียกอันซีนมหาธาตุอันซีนอยุธยา แม้จะถ่ายมาเพราะรูปดังกล่าวท่านสามารถหาได้ทั่วไปในหนังสือและเอกสารท่องเที่ยวอยุธยา ก็แปลกน่ะครับที่ผมคิดต่างกับคนทั่วไปว่าเห็นเป็นเรื่องอันซีน ผมว่าเป็นเรื่องน่าอายที่เราละเลยการดูแล แล้วเหมือนเอามาโอ้อวดกัน
๏๗.อารามก่อนปู่เจ้าเรา บำรุง
สืบลูกหลานตามแนว หรือน้นนขายฝรั่งวัฒนธรรมจรุง ซิพ่อ ซิแม่
อย่าขายความละเลยค้นน สมบัติเก่า ฯ
เห็นเจดีย์แปดเหลี่ยมหลังนี้แล้วนึกถึงเจดีย์ที่วัดร่ำเปิงเชียงใหม่หรือนึกถึงเก๋งจีนไปเลย
๏๘.เจดียรายแปดเหลี่ยมนี้ แปลกตา
ลดหลั่นย่อเหลี่ยมเนา สี่ชั้น
ดูสมัยหรือจีนบ่หา เห็นหน
ยังยอดบนเห็นปรางน้นน เรียงลู่ ฯ
๏๙.คู่สวรรค์ประจบฟ้า สองอาราม
อดีตไกลคือปรางคู่ นครแก้ว
มหาธาตุราชบูรณะขาม ต่อติด
ศรีแห่งศรีอยุธเยศแล้ว เสกสรวงฯ
......เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมอยากพูดถึงมานานแล้ว เรื่องเศียรพระองค์ที่ถูกเถาวัลย์พันผมไม่ทราบว่าเกิดขึ้นตอนไหนที่ทำให้สิ่งนี้เรื่องราวนี้กลายเป็นจุดขายในการท่องเที่ยวไปได้ แต่อยู่ในยุคพวกเราไม่นานมานี่เอง สมัยที่พวกเราโตขึ้นมาเราเคยถูกหล่อหลอมความคิด ถึงพวกที่ตัดเศียรพระหรือนำของเก่าของโบราณสถานศิลปะวัตถุ(ของชาติ) ไปขายไปซื้อกันแล้วเราก็บอกว่าเรื่องนี้มันเลวร้ายพวกเราปากอย่างใจอย่างใช่ไหม กระนั้นเราก็ทิ้งเศียรพระองค์นี้มาเป็น"สัญลักษณ์ของการไม่ดูแล" การละเลยไม่เอาใส่ใจเรื่องที่เราถูกหล่อหลอมมา กรมศิลปากรก็ดีการท่องเที่ยวก็ดี อยากให้พวกเราเห็นภาพของที่นี่เหมือนอินเดียน่าโจน ไปเจอเมืองร้างหลายพันปีกลางป่าน่ะหรือ พระในระเบียงคตของโบราณสถานทั้งที่นี่และที่อื่นก็ทิ้งไว้เป็นรูปองค์พระที่ถูกตัดเศียร ไม่มีใครคิดวิธีการอื่นกันหรือที่จะซ่อมบำรุงองค์พระที่ถูกตัดเศียรดังกล่าว หรือไม่เช่นนั้นก็นนำพระไม่มีเศียรออกจากพื้นที่ไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เลย อย่าลืมว่าโบราณสถานนั้นซ่อมบำรุงและแตะต้องได้ ขอให้พวกเราทำด้วยความรู้และความรัก
ที่ผ่านมาในอดีตเราละเลยเรื่องนี้กันถึงกับมีวาทกรรมอันหนึ่งว่าโบราณสถานของนครแห่งนี้ถูกพม่าทำลายพม่าอาจทำลายจริงแต่ส่วนใหญ่ที่ดูย่อยยับอย่างที่เห็นน่าจะเป็นพวกเราด้วยกันเอง ตั้งแต่การสร้างเมืองกรุงเทพฯใหม่ที่ต้องใช้อิฐจำนวนมหาศาล การลักขโมยขุดสมบัติที่พวกเราป้องกันและดูแลไม่ได้จากพวกเรากันเอง การทิ้งให้เป็นเมืองร้าง และที่สำคัญการไม่ดูแลเอาใจใส่กับสถานที่ ถ้าเราจะเอาของของเราที่สูงค่าเช่นนี้มาอวดฝรั่งมาอวดยูเนสโกมาอวดชาวโลก ก็จะต้องทำให้พวกเขาเคารพเราในสภาพของสิ่งต่างๆที่เคยเป็นมาในอดีตและเคยมีความรุ่งเรืองเคยมีวัฒนธรรมอันงดงามของเรา แต่อย่าเลยอย่าให้พวกเขาแม้แต่เด็กรุ่นหลังของเราเห็นการละเลยการดูแลอดีตของเราในปัจจุบัน และดูจะเหมือนพวกเราทำได้เพียงแค่การขายสมบัติเก่ากินไปวันวันหนึ่งเท่านั้น และนี่คือเราคือพวกเรา จริงหรือ
มุมมองจากวัดมหาธาตุมองเห็นปรางค์วัดราชบูรณะอยู่ไกล
รูปเก่าจากสถาบันอยุธยาศึกษาเห็นสภาพของวัดมหาธาตุที่ล้มก่อนบูรณะ
มีการบูรณะองค์พระธาตุพบพระบรมสารีริกธาตุปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
รูปแบบสันนิษฐาน Cr.อาจารย์ Kreangkrai Kirdsiri
สังเกตุว่าลักษณะผังแปลนจะเป็นระเบียงคตล้อมองค์มหาธาตุและมีวิหารด้านหน้าพระอุโบสถ์ด้านหลังซึ่งดูจะเป็นผังมาตราฐานของมหาธาตุสมัยอยุธยาตอนต้นเอาเลยทีเดียว ผังเช่นนี้ก็เห็นชัดว่าเป็นผังเดียวกับที่วัดพระราม วัดราชบูรณะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน และเป็นผังมาตรฐานของบรรดาวัดมหาธาตุหรือวัดในรุ่นอยุธยาตอนต้นอื่นๆ ต้นทางของรูปแบบผังเช่นนี้ก็น่าจะเป็นสุโขทัยพูดอย่างนี้อาจจะมีคนค้านเพราะสุโขทัยส่วนใหญ่จะเป็นเรือนวิหารและจบที่เจดีย์แต่ผมหมายถึงการพัฒนาที่แตกยอดออกมา น่าแปลกที่วัดวาอารามสมัยพวกเรานี้ดูจะมีความต้องการการใช้สอยของสถานที่มากเกินไปหลายวัดโดยเฉพาะวัดรุ่นใหม่การจัดวางผังรกไปหมดไม่ค่อยมีระเบียบแบบแผนนึกจะสร้างอะไรตรงไหนก็สร้างพอมีโครงการอะไรอีกก็สร้างต่อๆกันไปเลยกลายเป็นรกไปหมด
"ความเจริญบางครั้งเป็นเพียงรูปแบบ แต่ที่รากแล้วความเจริญช่วยอะไรเราไม่ได้เลย"
ทางแก้ว
กลางตุลาคม ๒๕๕๗~ ๒๕๖๓
โฆษณา