28 ส.ค. 2021 เวลา 02:30 • ไลฟ์สไตล์
Bluekoff Explorer : Finca La Paz de Colombia
HOLA!! Bienvenidos a Colombia ยินดีต้อนรับสู่โคลอมเบีย เชื่อว่าหลายๆ คนที่เป็นนักดื่มกาแฟ ก็คงเคยได้ยินชื่อประเทศนี้มาแล้วล่ะ แต่วันนี้เราจะทำให้คุณรู้จักกับประเทศนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมมาหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้กาแฟจากประเทศโคลอมเบียมีชื่อเสียงระดับโลกและมีรสชาติดีจนเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มกาแฟทั่วโลก
ในด้านของเมล็ดกาแฟ โคลอมเบียเป็นประเทศที่สามารถปลูกกาแฟ ทำการผลิตและส่งออกปริมาณมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในฐานะผู้ผลิตกาแฟอราบิกาชั้นดีที่มีคะแนนด้านรสชาติอยู่ในระดับดีมากมาโดยตลอด โดยประวัติศาสตร์ของโคลอมเบียมีความเป็นมาใกล้เคียงกับการผลิตกาแฟเลยก็ว่าได้ โดยเกษตรกร Juan Valdez เป็นผู้บุกเบิกการผลิตและส่งออกกาแฟที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของประเทศ ในปี ค.ศ.2011 องค์กร UNESCO ยกให้ The “Coffee Cultural Landscape” of Colombia เป็นมรดกโลก
แม้ว่าประเทศไทยและโคลอมเบียจะอยู่คนละซีกโลก แต่ก็อยู่ในแถบบริเวณเส้นศูนย์สูตรเหมือนกัน ในส่วนของลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ พื้นที่ปลูกและสายพันธุ์ของกาแฟก็มีความใกล้เคียงกัน รวมปถึงรสชาติกาแฟก็มีความคล้ายบ้าง ต่างบ้าง ปะปนกันไป แต่ด้วยชื่อเสียงด้านคุณภาพเมล็ดกาแฟและประวัติศาสตร์การพัฒนาการผลิตกาแฟของโคลอมเบียมีมานานกว่ามาก ทำให้เป็นที่น่าสนใจที่จะเดินทางไปดูและศึกษาฟาร์มในโคลอมเบียด้วยตนเอง ว่าในประเทศโคลอมเบียมีการเพาะปลูกและทำการโปรเซสอย่างไร จึงทำให้กาแฟโคลอมเบียเป็นที่รู้จักในวงการกาแฟเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
และวันนี้เราจะพาทุกคนไปยังฟาร์มกาแฟ Finca La Paz ที่ประเทศโคลอมเบียกัน โดยเราจะไปยังฟาร์มของ Don Francisco ซึ่งคนที่มีคำว่า Don นำหน้าในประเทศโคลอมเบียนนี้ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคำนำหน้าแบบนี้ เพราะต้องเป็นบุคคลซึ่งได้รับเกียรติให้เป็น Don เท่านั้น โดย Don Francisco ทำกาแฟมานาน และเป็นที่รักของคนในพื้นที่ จนได้รับการนับถือว่าเป็น Don หรือที่แปลว่า "ท่าน" นั่นเอง Don Francisco เล่าว่า ฟาร์มกาแฟ Finca La Paz เริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษในสมัยล่าอาณานิคม ครอบครัวได้มาตั้งถิ่นฐานพร้อมกับเริ่มปลูกกาแฟที่โคลอมเบีย และทำการเกษตรและแปรรูปกาแฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ฟาร์มกาแฟของครอบครัวฟรานซิสโกนับว่าเป็นขนาดกลางๆ ในประเทศโคลอมเบีย อยู่บริเวณภูเขาหลังบ้านพื้นที่ที่ปลูกตั้งอยู่ในจังหวัด Narino (นาริโน) อำเภอ Pasto (ปาสโต้) ตำบล Chachagui (ชาชากุย) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ภูมิประเทศหลักเป็นภูเขาและแนวเขาขนาดใหญ่ สูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 – 2,000 เมตร มีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับตัว ชื่อ Galeras (กาเรราส) ซึ่งส่งผลให้เกิดดินที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการทำการเกษตร นอกจากนี้ยังติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้มีการพัดเอาความชื้นมาทำให้อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอเหมาะสมต่อต้นกาแฟ
ในบริเวณแปลงปลูกมีต้นกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ Colombia (โคลอมเบีย), Castillo (คาสติลโย), Caturra (คาทุรา) นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ อีก เช่น Geisha (เกอิชา) และ Bourbon (เบอร์บอน) เป็นต้น โดยหลายพื้นที่ในฟาร์มจะทำการปลูกแบ่งแยกสายพันธุ์ชัดเจน ทำให้เก็บเกี่ยวแยกสายพันธุ์ในพื้นที่เดียวกันได้ง่ายขึ้น และบำรุงรักษาต้นตามความต้องการของสายพันธุ์นั้นๆ ได้อย่างสะดวก
ลักษณะของพื้นที่มีการปรับพื้นให้มีลักษณะคล้ายขั้นบันได และมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม สามารถมองเห็นภูเขาไฟ Galeras ได้ มีเนื้อที่เพาะปลูกประมาณมากกว่า 30 เอเคอร์ หรือ 180 ไร่ มีต้นกาแฟมากกว่า 10,000 ต้น ซึ่งทุกต้นได้รับการดูแลอย่างดี มีระบบการให้น้ำและปุ๋ยที่เพียงพอตลอดทั้งปี โดยการทำปุ๋ยของฟาร์มนี้ทำกันอย่างจริงจังและใจเย็น ส่วนประกอบหลักๆกว่า 90% คือใช้เปลือกเชอร์รี่กาแฟที่สีออก เศษใบไม้ เศษอาหารสัตว์ และมูลสัตว์ ทำเป็นโรงปุ๋ยหมักแห้งและหมักเปียก ทำให้มีปุ๋ยเพียงพอตลอดปี โดยที่ฟาร์มจะไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง และยังมีการปลูกพืชชนิดอื่นแซมในฟาร์มอีกด้วย เช่น พืชตระกูลส้ม สับปะรด วอลต์นัท และเบอร์รี่ป่า เป็นต้น ทำให้เกิดความหลากหลายและสมดุลของระบบนิเวศน์ภายในฟาร์ม
ในด้านของการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟจะใช้คนเก็บด้วยมือ และใช้ม้าเป็นพาหนะในการขนเมล็ดเชอร์รี่กาแฟ มายังบริเวณที่ทำการโปรเซส ซึ่งการใช้ม้าเป็นพาหนะในการเดินทางและขนส่งต่างๆ ก็นับว่าเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวโคลอมเบีย
โปรเซสส่วนใหญ่ที่ทำคือ Washed Process ซึ่งเป็นการแปรรูปที่มีมาแต่ดั้งเดิม สถานที่ที่ใช้ทำการโปรเซส จะทำในบริเวณบ้านที่ครอบครัวอาศัยอยู่นั้นเลย เพื่อที่จะควบคุมและจัดการได้สะดวก โดยแบ่งสัดส่วนให้สามารถทำงานและทำความสะอาดง่าย ทำให้เห็นชัดเจนว่าโรงผลิตที่นี่มีความสะอาดมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย
ในการทำโปรเซส จะมีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อให้รักษาคุณภาพของเมล็ดกาแฟได้ดีและคงที่ มีระบบการลำเลียงของเหลือจากการโปรเซส เช่น เปลือกของเชอร์รี่กาแฟไปยังโรงปุ๋ยหมัก เพื่อนำไปใส่ต้นกาแฟ รวมถึงน้ำที่ใช้ในการทำโปรเซสจะถูกลำเลียงไปยังถังพักน้ำบริเวณฟาร์ม สำหรับใช้ในระบบน้ำหยดสำหรับรดน้ำต้นกาแฟ เป็นต้น
แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้ทำโปรเซสพิเศษแบบหวือหวา แต่ก็นับว่ามีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตที่สูงมาก รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และมีการจัดการกับของเสียอย่างมีประสิทธิภาพมากอีกด้วย
เมล็ดกาแฟของที่นี่มีรสชาติที่โดดเด่นและแตกต่างกันนั้นจะมีอยู่มากมายโดยในวันนี้จะได้แนะนำให้ได้รู้จักกับกาแฟ 4 ตัว ได้แก่
1. Colombia Finca La Paz : Red Castillo เป็นกาแฟที่มีรสชาติเปรี้ยวฉ่ำของผลไม้เขตร้อน เช่น มะม่วงอินเดีย (เนื้อสีออกส้มแดง) เนื้อสัมผัสหนักแน่น แต่นุ่มนวลคล้ายโยเกิร์ตดริ๊งค์
Tasting notes : Tropical fruit, Indian mango, yogurt drink, medium body and smooth texture.
2. Colombia Finca La Paz : Red Colombia ให้รสชาติซับซ้อนของผลไม้หลากหลายชนิด เช่น ส้มโอเนื้อหวาน ชารอยบอส น้ำแอปเปิ้ล ดอกชบา และจบท้ายด้วยรสหวานของชาแดง มีเนื้อสัมผัสกลางๆ คล้ายน้ำผลไม้ และจบท้ายด้วยชาหอม
Tasting notes : Very complex of sweet pomelo, rooibos tea, apple juice, hibiscus and sweet red tea finish.
3. Colombia Finca La Paz : Yellow Colombia เป็นกาแฟที่มีรสชาติขององุ่นเขียว ที่มีความหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีความหอมหวานคล้ายน้ำตาลทรายแดง ให้เนื้อสัมผัสเนื้อสัมผัสนุ่มนวล คล้ายกับช็อกโกแลตชั้นดี
Tasting notes : Green grape, brown sugar, chocolate, mild acidity-silky mouthfeel, very sweet and clean finish.
4. Colombia Finca La Paz : Bajo Casa Yellow Caturra เป็นกาแฟอีกหนึ่งตัวที่มีกลิ่นช่วงต้น หอมคล้ายดอกไม้สีชมพู และมีรสชาติเปรี้ยวฉ่ำของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีรสเปรี้ยวหวานฉ่ำ มีเนื้อสัมผัสนุ่มนวล และมีความหวานตอนท้ายยาวนาน
Tasting notes : Pink sakura, mixed berry, custard apple, juicy acidity, syrupy mouthfeel and sweet lingering finish.
ทั้งนี้ กาแฟแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และรสชาติแตกต่างกันออกไปไปตามสายพันธุ์บางตัวมีกลิ่นดอกไม้หอม บางตัวมีความเป็นผลไม้ และบางตัวก็มีความคล้ายกับชาชั้นดี เป็นความหลากหลายที่น่าสนใจ สร้างความน่าตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ดื่ม เหล่าผู้คนที่รักในการดื่มกาแฟก็จะได้รู้รสชาติของกาแฟจากแต่ละสายพันธุ์ว่ามีรสชาติหรือจุดเด่นอย่างไร นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการดื่มกาแฟใหม่ๆ
สุดท้ายทีมบลูคอฟ ต้องขอขอบคุณครอบครัวของคุณฟรานซิสโก ที่ต้อนรับและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี แถมยังให้ความรู้ และแรงบันดาลใจในการทำกาแฟให้มีคุณภาพ เพื่อที่เราจะนำกลับมาพัฒนาคุณภาพของกาแฟไทยต่อไป ....Gracias
ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ : https://shop.bluekoff.com/ProductList.aspx?cat=187&iscoffee=Y
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
Line : @bluekoff
#Bluekoff #Bluekoffcoffee #SpecialtyCoffee #CoffeeCoffeeCoffee
โฆษณา