20 ธ.ค. 2021 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
ชวนส่องเมนู "กาแฟผสมแอลกอฮอล์" ที่น่าสนใจรอบโลก
1
วันนี้พวกเราจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปส่องเมนูเครื่องดื่มที่ผสมเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กัน
แต่ว่า…เครื่องดื่มที่ว่านี้ ไม่ใช่น้ำอัดลมนะ
เพราะวันนี้พวกเราจะมาพาไปรู้จักกับเมนูกาแฟผสมเหล้าตะหากละ !
อย่างเมนูยอดนิยมที่พอจะได้ยินชื่อจนติดหูกันก็คงเป็น “Irish Coffee หรือ กาแฟไอริช” ที่เป็นกาแฟดำผสมวิสกี้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไอร์แลนด์
แล้วเพื่อน ๆ ทราบไหมว่ากาแฟดำเนี่ย ยังเป็นที่นิยมดื่มคู่กับเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ อีกด้วยนะ
ซึ่งบางเมนูเนี่ย อาจจะถูกเรียกว่าเป็นเมนูค็อกเทลไปเลยก็ยังได้
แต่ต้องขอบอกก่อนว่าพวกเราเองเคยลองชิมไปเพียงแค่เมนูเดียวเท่านั้น เพราะเมนูส่วนใหญ่นี้ อาจไม่ค่อยได้พบเห็นในเมืองไทยกันสักเท่าไร
ไม่รอช้า พวกเรา InfoStory ขอพาเพื่อน ๆ ไปรับชมกันในภาพอินโฟกราฟิกสุดสบายตากันแบบเช่นเคยกันเลย !
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพิ่มเติม เชิญทางนี้ได้เลย !
ระหว่างที่กำลังค้นหาข้อมูลหัวข้อนี้อยู่
ในหัวก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า “คาเฟอีน กับ แอลกอฮอล์” มันเข้ากันได้เหรอ ?
ถ้าถามในเรื่องของรสชาติ ก็คงต้องบอกว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมมาก ๆ เลยทีเดียว
ส่วนตัวเคยได้ลิ้มลอง Irish Coffee ก็ต้องบอกว่ามันเข้ากันได้ดีอย่างมากเลย
… แต่หากว่า พูดถึงในเรื่องของสุขภาพ คาเฟอีนกับแอลกอฮอล์ อาจเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัว ในทางสุขภาพสักเท่าไร แห่ะ ๆ
หลังจากที่ค้นหามาจากหลายแหล่งอ้างอิง พวกเราก็พบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของ สารคาเฟอีนในกาแฟ ที่กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ขยายหลอดลม กระตุ้นการทำงานของสมอง
แต่..ในทางกลับกันเนี่ย แอลกอฮอล์จากเครื่องดื่มเอง ก็ออกฤทธิ์ที่ตรงกันข้าม กล่าวคือ ทำให้เกิดการมึนเมาและผ่อนคลาย
ซึ่งอ้างอิงจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกนและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ก็เคยออกมาชี้แจงว่าการดื่มแอลกอฮอล์คู่กับกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังเนี่ย จะทำให้เรามึนเมาได้ยากขึ้น อึดขึ้น จนทำให้เราอาจดื่มได้ไม่หยุด (แต่ว่าจากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว เรากลับง่วงเร็วเสียมากกว่าแห่ะ)
นั่นหมายความว่า การดื่มทั้ง 2 สิ่งนี้ไปพร้อม ๆ กัน อาจทำให้เราฝืนดื่มแอลกอฮอล์ได้ในปริมาณที่มากเกินไป นั่นเอง
อย่างไรก็ดี หากเราไม่ได้ดื่มในปริมาณที่เกินพอดีหรือว่าผสมในสัดส่วนที่เกินพอดี นั่นก็จะไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายอย่างแน่นอน (ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล ทางเพจไม่แนะนำให้ไปทำดื่มนะคร้าบ)
ซึ่งแน่นอนว่าเมนูที่พวกเราหยิบยกเป็นตัวอย่างมา ก็จะถูกชงโดยบาร์เทนเดอร์หรือบาริสต้าตามคาเฟ่ ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผสมตามสูตร ก็จะถูกจำกัดให้จำนวนที่น้อยเช่นกันเด้อ
(ส่วนในเมืองไทย เรายังไม่ค่อยพบเห็นเมนูเหล่านี้มากสักเท่าไร เจอแต่ค็อกเทล Irish Coffee แต่ว่าในต่างประเทศเนี่ย แทบจะพบได้ทุกคาเฟ่ตามถนนเลยทีเดียวละ แต่บางร้านเขาก็จะขายเป็นเฉพาะเวลานะ)
ภาพนี้เป็นคาเฟ่ที่เมืองปารีสโดยเมนูกาแฟผสมเหล้าก็จะมีขายปกติในเมนูให้เลือกเลยแต่อาจมีเวลาขายที่จำกัด
ว่าแต่…ใครกันนะที่เป็นผู้เริ่มคิดค้นส่วนผสมระหว่าง กาแฟกับเหล้า (Coffee Cocktail) ?
หากจะว่ากันตามแหล่งอ้างอิงที่พวกเราค้นหามา ก็จะมีการกล่าวถึงต้นกำเนิดและการกระจายของ “Irish Coffee” ที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักเมนูกาแฟผสมเหล้า หรือ Coffee Cocktail ในช่วงปี ค.ศ. 1943
ส่วนตัวเราคิดว่า บางทีแล้วอาจจะเป็นการตลาดก็ได้นะ เพราะหาดูไทม์ไลน์แล้วเนี่ย Spanish Coffee หรือแม้กระทั่ง Cuban Coffee with Rum ก็ถูกคิดค้นขึ้นในสมัยที่ใกล้เคียงกัน
เถียงกันไปมาก็อาจไม่ช่วยให้หาคำตอบได้แน่นอน
หากจะให้หาย้อนกลับไปเนี่ย ก็พบว่าการจับคู่ดื่มกาแฟผสมเหล้าเนี่ย มันน่าจะมีมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้วละ พวกเราเคยอ่านบทความของ National Geographic ก็พบว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณกันเลยทีเดียว (เป็นการคาดการณ์)
ส่วนตัวพวกเราเลยแอบคิดว่า เอ้อ ! เผลอ ๆ อาจจะตั้งแต่มนุษย์เริ่มรู้จักผลเบอร์รี่ของกาแฟ แล้วอาจทำให้เกิดการจับคู่กันทานโดยไม่รู้ตัว เพราะทั้ง 2 สิ่งล้วนหาพบได้ง่ายทั้งนั้นเลย
ปิดท้ายกับเกร็ดเล็กน้อย
เมื่อสักครู่พวกเราได้เกริ่นเกี่ยวกับ Irish Coffee กันไปบ้างแล้ว
แล้วเจ้ากาแฟไอริช มันมีเรื่องราวต้นกำเนิด อย่างไรบ้างละ ?
ค็อกเทลกาแฟแก้วนี้ ถูกคิดค้นโดยคุณ Joe Sheridan ชาวไอริชในช่วงปี 1943
ซึ่งในปีนั้น ก็ถือว่าเป็นช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2
แน่นอนว่าประเทศไอร์แลนด์เนี่ย ก็เปิดรับให้กับกองทัพอากาศของทหารอเมริกัน
จนในช่วงท้าย ๆ ที่ทหารอเมริกันกำลังเริ่มทยอยเดินทางกันกลับบ้าน
ปรากฎว่ามีไฟลท์บินลำหนึ่ง ที่ได้หันหัวกลับมาที่ฐานการบิน Foynes Air base เพราะว่า น้ำมันหมด…
คุณ Joe Sheridan ก็เลยเกิดความสงสารเหล่าทหาร ที่เหนื่อยล้าจากการต่อสู้ แถมต้องมานั่งเสียเวลา กลบบ้านไปหาครอบครัวช้าอีก คุณ Joe ก็เลยได้ทำเมนูสุดพิเศษนี้ ให้กับทหารชาวอเมริกันดื่ม
แน่นอนว่าหลังจากนั้นทหารที่ได้บินกลับไปยังประเทศบ้านเกิด ก็ได้เผยแพร่สูตรค็อกเทลไอริช
จนกระทั่ง ในปี 1952 นักเขียนเชิงท่องเที่ยว ชื่อดังชาวอเมริกันอย่าง “Stanton Delaplane” ก็ได้ตัดสินใจบินมาที่ไอร์แลนด์เพื่อค้นหาค็อกเทลตัวนี้
และหลังจากที่ได้เรียนรู้มาจากคุณ Joe แล้ว เขาก็ได้กลับไปเผยแพร่สูตรนี้ ให้กับบาร์เทนเดอร์ของ Buena Vista ที่เมืองซานฟรานซิสโก
ก่อนที่เจ้าค็อกเทลตัวนี้จะโด่งดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา
(แถมคนอเมริกันยังมีการเข้าใจผิดด้วยว่า ค็อกเทลนี้ มีชื่อว่า Brazilian coffee)
ก็พอหอมปากหอมคอแบบแอบยาวกันสักนิดนึง
งั้นพวกเราขอตัวไปดื่มกาแฟ(แต่เป็นสูตรไม่ใส่แอลกอฮอล์นะ) กันก่อนละกันคร้าบบ
โฆษณา