12 ส.ค. 2022 เวลา 02:00 • สุขภาพ
ลดความอ้วนแบบนี้ อย่าหาทำ
เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคอ้วนนอกจากทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่ดีในสายตาของใครหลาย ๆ คนแล้ว ยังนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง โรคไต และโรคอื่น ๆ อีกมากมาย
การลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก เป็นหนทางในการแก้ไขปัญหา แนวทางที่เป็นข้อแนะนำทางการแพทย์ที่สำคัญได้แก่ การควบคุมอาหาร จำกัดพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน โดยลดการรับประทานอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาลลง อาจพิจารณาใช้การอดอาหาร หรือ IF (intermittent fasting) ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ และลดความตึงเครียดในชีวิต
ผู้อ่านสามารถอ่านเรื่องโรคอ้วนเพิ่มเติม ในบทความ https://www.blockdit.com/posts/62e05a28eadc644f425db290
นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาลดความอ้วน หัตถการหรือการผ่าตัด ซึ่งสามารถปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษา กรณีที่มาตรการเบื้องต้นไม่ได้ผลหรือเป็นโรคอ้วนในระดับรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อน
ข้อแนะนำข้างต้น เป็นเรื่องราวตามปกติที่ควรจะเกิดขึ้น เมื่อเราเผชิญปัญหากับโรคอ้วน แต่สำหรับเรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นการใช้วิธีลดความอ้วนสุดแสนพิสดาร ที่เราไม่ค่อยนึกถึง แม้แต่คนเป็นหมอเอง ยังไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังมาก่อน มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
เรื่องเล่านี้มาจากรายงานทางการแพทย์ในวารสาร The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene ตีพิมพ์ปีนี้เอง (2022) รายงานกรณีศึกษา ผู้ป่วยหญิงชาวจีนในกรุงปักกิ่ง อายุราว 20 ปี รายหนึ่งที่มีน้ำหนักมากถึง 150 กิโลกรัม เหตุการณ์นี้เกิดในปี ค.ศ. 2017 เธอมีความกังวลกับโรคอ้วนของเธอเป็นอย่างมาก จึงศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองทางอินเตอร์เน็ต (เธอน่าจะไม่อยากไปหาหมอ อยากลองรักษาด้วยตนเองดูก่อน)
เธอไปพบข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่น่าสนใจ วิธีลดความอ้วนที่ได้ผลชะงัดและทรงประสิทธิภาพ คือ ลดน้ำหนักได้มาก เป็น สิบ ๆ กิโล โดยใช้เวลาสั้น ๆ วิธีนี้ดังกล่าวคือ การกินไข่พยาธิ เพื่อให้ไข่ฟักกลายเป็นพยาธิในลำไส้ แย่งการดูดซึมสารอาหารและพลังงานจากเราไป (เธอน่าจะคิดว่า เธอจะได้ไม่ต้องลดการกิน ยังกินอิ่มหนำ แต่น้ำหนักก็ยังลดได้ เพราะพยาธิช่วยแย่งอาหารในลำไส้เธอไป) เธอจึงตัดสินใจไปซื้อไข่พยาธิตืดวัว ที่บรรจุลงในแคปซูลมารับประทาน 2 แคปซูลในปี ค.ศ. 2017
ผลการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นอย่างไรนะหรือ ต้องบอกว่า ยอดเยี่ยมมาก น้ำหนักเธอลดลงไปถึง 27 กิโลกรัมในเวลาเพียง 4 เดือน จากนั้นเธอกินแคปซูลไปเพิ่มอีกชุดหนึ่งในปีเดียวกันโดยหวังว่าน้ำหนักจะลดลงเพิ่มอีก
ไม่นานนัก 2 เดือนหลังจากกินแคปซูลไข่พยาธิชุดสอง เธอมีอาการปวดศีรษะและปวดท้องเรื้อรัง และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผลการตรวจทางรังสี พบว่ามีซิสต์ของพยาธิอยู่ตามเนื้อสมอง (ในรายงานบอกว่า ซิสต์กระจายแทรกตามเนื้อสมองเป็นวงกว้าง) เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า คอ ลิ้น ลำตัว ตับ และเยื่อบุช่องท้อง และเธอได้ตรวจเลือดเพื่อวินิจการติดเชื้อพยาธิตืดหมู/วัว สรุปสุดท้ายได้วินิจฉัยว่า เธอติดเชื้อโรคพยาธิตืดหมูแบบกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย
เธอต้องนอนโรงพยาบาลเป็นสัปดาห์ ๆ ได้รับยาถ่ายพยาธิ ยาสเตียรอยด์ลดการอักเสบ และออกจากโรงพยาบาลหลังการรักษาเสร็จสิ้น (เธออยู่รอดปลอดภัยหลังรักษา ไม่มีความพิการอะไรหลงเหลือ ถือว่าเธอโชคดี บางคนเป็นโรคนี้ มีอาการชัก พิการ หรือเสียชีวิตได้ก็มี)
ตามปกติแล้วการรับประทานพยาธิตืดวัว (Taenia saginata eggs) จะไม่ทำให้มีซิสต์ในเนื้อสมอง ส่วนใหญ่จะโตเป็นพยาธิตัวเต็มวัยในทางเดินอาหาร หรืออาจเป็นซิสต์ในกล้ามเนื้อ แต่ในผู้ป่วยรายนี้ เธอน่าจะได้รับแคปซูลของไข่พยาธิตืดหมูไปรับประทาน (Taenia solium eggs) ทำให้ตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูไช จากลำไส้ไปยังสมอง และตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ทำให้เป็นโรคพยาธิตืดหมูแบบกระจายไปทั่วทั่้งร่างกาย (เธอโดนหลอกให้กินของอันตรายเข้าไป)
อ่านเรื่องการลดน้ำหนักวิธีนี้ เป็นไงกันบ้าง อ่านแล้วดูน่าสะพรึงเลยไหม มนุษย์เราช่างสรรหาคิดค้นวิธีการลดน้ำหนักแปลก ๆ พิสดาร นอกจากนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีทำร้ายตัวเองอีกต่างหาก
ถ้าต้องการลดความอ้วน อย่าหาทำแบบนี้ ไปปรึกษาแพทย์น่าจะ “หาทำ” มากกว่า อย่าได้ริลอง วิธีแปลก ๆ แล้วจะหาว่าหมอไม่เตือน
อ้างอิง
Zhang H, Wang G, Xing Y, Xie M. Case Report: Disseminated Cysticercosis due to Intentional Ingestion of Parasitic Worm Eggs for Weight Loss. The American Journal of Tropical Medicine and Hygiene. 2022;106(2):710-713. doi:10.4269/ajtmh.21-0760
โฆษณา