9 ก.ย. 2022 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
กบฏขนมไหว้พระจันทร์|月饼起义
- อารัมภบทเทศกาลไหว้พระจันทร์|中秋节简介 -
“เทศกาลไหว้พระจันทร์” หรือ “จงชิวเจี๋ย(中秋节)” เป็นหนึ่งในเทศกาลดั้งเดิมของจีน ซึ่งเทศกาลนี้มีวิวัฒนาการมาจากการบูชาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ นั่นคือการจัดพิธีกรรมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
เทศกาลนี้เริ่มมีมาครั้งแรกในจีนยุคโบราณ มาป๊อบในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีรูปแบบเทศกาลที่ตายตัวในสมัยต้นราชวงศ์ถังและบูมที่สุดในสมัยราชวงศ์ซ่ง
กล่าวกันว่าพระจันทร์ในเทศกาลนี้สวยที่สุดในฤดูใบไม้ร่วงและมีนัยยะของการกลับมาเจอกันอีกครั้งของคนในครอบครัวและความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกัน ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน(农历八月十五)
เทศกาลจงชิวมีวิวัฒนาการมาจากการบูชาปราฏการณ์ทางธรรมชาติและท้องฟ้าโบราณ ในสมัยโบราณเทศกาลไหว้พระ(祭月节)จะจัดในช่วงอนุฤดูชิวเฟน(秋分)ซึ่งการไหว้พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็กลายมาเป็นวัตถุบูชาของชาวจีนโบราณเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อประวัติศาสตร์มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้เทศกาลนี้ถูกรวมเข้าไปในปฏิทินเซี่ยลี่(阴历;夏历)ต่อมาก็มีการปรับห้วงเวลาของเทศกาลไหว้พระจันทร์มาเป็นวันที่ 15 เดือน 8 แทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การไหว้พระจันทร์ก็ยังคงมีเช่นเดิม หากแต่ถูกประดับตกแต่งด้วยเรื่องราวของตำนานมากขึ้น เพื่อให้เทศกาลนี้มีกิมมิคที่น่าค้นหาอีกด้วย
*กดลิงก์เพื่อย้อนไปอ่านเรื่อง "ล่องนภาสู่เมืองจันทรากับฉางเอ๋อ|听一听中秋节故事"
กบฏโพกผ้าแดง|元末年红巾起义
กบฏโพกผ้าแดง|元末年红巾起义
กองทัพโพกผ้าแดง(红巾军)เริ่มต้นโดย “กัวจื่อซิ่ง(郭子兴)” และสาวกจากกลุ่มลัทธิบัวขาว(白莲教)ลัทธิเม้งก่า(明教)เป็นต้น เพื่อต่อต้านราชวงศ์หยวน (มองโกล)
กลุ่มกบฏนี้เกิดขึ้นเป็นระยะ ครั้งแรกที่บริเวณชายฝั่งเจ้อเจียง โดยฟางกั๋วเจิน(方国珍)และพรรคพวกรุมทำร้ายขุนนางหยวน ต่อมา ลัทธิบัวขาวที่นำโดยหานซานถง(韩山童)ก่อกบฏบริเวณตอนเหนือของแม่น้ำฮวงโห(黄河)ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางในการต่อต้านมองโกล
ในปีค.ศ. 1351 หานซานถงร่วมกับลัทธิบัวขาววางแผ่นก่อกบฏโดยการติดอาวุธ แต่แผนการดันรั่วไหล จึงทำให้หานซานถงถูกจับและโดนสำเร็จโทษโดยราชสำนักหยวน หลังจากนั้น หลิวฝูทง(刘福通)และหานหลินเอ๋อร์(韩林儿)ผู้เป็นลูกชายของหานซานถงก่อตั้งกองทัพกบฏโพกผ้าแดงขึ้น กบฏชาวนาอื่นๆ บริเวณแม่น้ำฉางเจียง(长江)ลุกฮือขึ้นโดยใช้ชื่อ “กบฏโพกผ้าแดง”
กบฏขนมไหว้พระจันทร์|元末年月饼起义
กบฏขนมไหว้พระจันทร์|元末年月饼起义
ตามตำนานเล่าว่า ขนมไหว้พระจันทร์เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์หยวน ชาวมองโกลควบคุมและข่มเหงชาวจีนฮั่นเป็นอย่างมาก ไม่ให้มีอาวุธติดบ้าน แม้มีดทำครัวก็ให้ใช้ร่วมกัน 10 ครอบครัวต่อเล่ม ทั้งยังมีทหารมองโกลมาควบคุม 10 ครอบครัวต่อคน ซึ่งไม่มีโอกาสทำอาวุธและชุมนุมปรึกษาหารือกันได้ ชาวจีนฮั่นรู้สึกเจ็บแค้น แต่ไร้วิธีที่จะติดต่อสื่อสารกัน
ต่อมาปีหนึ่งใกล้เทศกาลจงชิว(中秋节)จูหยวนจาง(朱元璋)หนึ่งในแกนนำสำคัญของกบฏโพกผ้าแดงได้รวบรวมชาวบ้านบริเวณภาคใต้ของจีนเพื่อร่วมกันกำจัดพวกมองโกล
โดยหลิวปั๋วเวิน(刘伯温)ที่ปรึกษาทางการทหารคนสำคัญได้เสนอแผนว่าจะติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มกบฏด้วยกันโดยการเขียนข้อความลับ “สังหารพวกนอกด่านในคืนจงชิว พร้อมต้อนรับกลุ่มกบฏอื่น『中秋夜杀鞑子,迎义军。』” สอดใส่ในขนมไหว้พระจันทร์(月饼)แล้วแจกจ่ายไปในหมู่ชาวจีนและส่งต่อกันไป เมื่อถึงตอนค่ำในวันจงชิว หลังจากกินขนมไหว้พระจันทร์แล้ว ทุกครอบครัวจึงคว้าอาวุธเท่าที่จะได้แล้วสังหารทหารมองโกลนั่นเอง
หลังปราบปรามพวกมองโกลบริเวณภาคใต้ได้แล้ว จึงสถาปนาตนเป็นปฐมบรมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง พระนามว่า “หมิงไท่จู่(明太祖)” ก่อตั้งราชธานีที่เมืองอิ้งเทียนหรือนครหนานจิง(应天;南京)เมื่อเดือน 1 รัชศกหงอู่ปีที่ 1 หรือค.ศ. 1368(洪武元年正月)
ปีค.ศ. 1369 หมิงไท่จู่บัญชาให้สฺวีต๋า(徐达)ยกกองทัพไปตีเอาเมืองต้าตู(大都)อันเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์หยวน เมื่อสฺวีต๋ายึดนครต้าตูไว้ได้จึงส่งข่าวมายังนครหนานจิง หมิงไท่จู่จึงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทหารและประชาชนจัดงานเฉลิมฉลองในเทศกาลจงชิว โดยมีขนมไหว้พระจันทร์เป็นรางวัลให้แก่ทุกคน ตั้งแต่นั้นมา การให้ขนมไหว้พระจันทร์กันและกินขนมนี้ในเทศกาลจงชิวจึงแพร่หลายกลายเป็นประเพณีและเพื่อรำลึกถึงการกู้ชาติ
แม้ตำนานนี้ในวงวิชาการจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็น่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่ราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา ประเพณีการให้ขนมไหว้พระจันทร์เป็นของขวัญในเทศกาลจงชิวก็เพื่อ “ความกลมเกลียวพร้อมหน้า(团团圆圆)” ก็ได้แพร่หลายมาก
จูหยวนจางกู้ชาติสู่ต้าหมิง|从月饼起义到大明建立
จูหยวนจางกู้ชาติสู่ต้าหมิง|从月饼起义到大明建立
สาเหตุที่กองทัพโพกผ้าแดงภาคเหนือพ่ายแพ้แก่ราชสำนักหยวน เพราะขาดการสำรวจพื้นที่ที่ละเอียดและการบัญชาคำสั่งที่เป็นหนึ่งเดียว กองกำลังต่างๆ ไม่ติดต่อสื่อสารกัน ไม่มีความคิดเชิงกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรม อนึ่งกองกำลังหลักอยู่ห่างจากพื้นที่ราบตอนกลางมากเกินไป ทำให้ทัพหลังเกิดช่องโหว่ แม้หลิวฝูทงจะไม่สามารถเอาชนะทัพหยวนได้ แต่ก็ได้สร้างความเสียเป็นวงกว้างต่อการปกครองภาคเหนือของราชวงศ์หยวน เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างกองกำลังของกบฏที่อยู่ภาคใต้
จูหยวนจางใช้ประโยชน์จากการราชสำนักหยวนกำลังวุ่นวายกับกลุ่มกบฏภาคเหนือในการสร้างกองกำลังที่มีประสิทธิภาพ ดำเนินนโยบายที่เป็นรูปธรรมพัฒนากองทัพ โดยใช้กลยุทธ์รุกไปภาคตะวันตกก่อนแล้วจึงกลับมาตีภาคตะวันออก รวมกำลังและพัฒนาศักยภาพพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง แม้กองกำลังภาคเหนือจะย่อยยับ แต่กองกำลังภาคใต้ของจูหยวนจางยังคงเข้มแข็ง จนกระทั่งสามารถสร้างราชธานีใหม่และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจจีนในขณะนั้น
เมื่อภาคใต้ของจีนถูกฟื้นเศรษฐกิจก็ย่อมมีเงินตราเข้าคลัง ทำให้กองทัพมีอาวุธใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นจนกองทัพราชวงศ์หมิงมีความเกรียงไกร ข้อได้เปรียบประการหนึ่งคือ กองทัพหมิงภาคใต้มีกำลังทหารมากกว่ากองทัพหยวนที่อยู่ภาคเหนือ จนท้ายที่สุด กองทัพหมิงที่นำโดยแม่ทัพสฺวีต๋าตีเอาเมืองต้าตูได้ ราชวงศ์หยวนที่ปกครองโดยชาวมองโกลก็สิ้นสุดลงทันที เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์หยวนก็ออกนอกด่านกลับสู่มาตุภูมิเดิม แผ่นดินจีนจึงกลับสู่ระบอบราชวงศ์ที่ปกครองโดยชนชาติฮั่นอันชอบธรรมอีกครั้ง
อ้างอิง|参考
โฆษณา