27 พ.ค. 2020 เวลา 22:55 • ไลฟ์สไตล์
ความ "กล้า" เมื่อต้องเป็นหัวหน้างาน
1
คุณว่าถ้าในองค์กรแบบดั้งเดิมที่อายุมากกว่า 100 ปี มีคนทำงานมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป การขึ้นเป็นหัวหน้าอายุน่าจะประมาณเท่าไหร่ครับ??
ผมเป็น รักษาการหัวหน้างาน ตอนอายุ 30 และเป็น หัวหน้างานที่เป็นทางการเมื่ออายุ 32 ครับ (เกริ่นมาแล้วเหมือนจะมาแนวบวก....อย่าพึ่งเชื่อส่วนเกริ่นนำนะครับ..)
จริงๆ ตอนที่ผมสมัครเข้ามาทำงาน ตอนนั้นเป็นการเปิดหน่วยงานใหม่ขึ้นมาแล้วต้องการคนที่จบป.โทอยู่แล้ว (ตอนที่ผมสมัครงานความต้องการตรงกันพอดี) และเป็นความจริงที่ผมเองก็รู้ตัวดีว่าการจบป.โท พอเข้ามาก็จะกดดันประมาณนึง (สามารถย้อนกลับไปอ่านตอนสมัครงานได้ท้ายบทความ) อารมณ์จะประมาณว่า
ในทุกการประชุมหรือโครงการใหม่ต่างๆ มีโอกาสสูงมากที่จะได้เป็นหัวหน้าทีม (บางครั้งเพียงแค่ออกจากห้องประชุมไปห้องน้ำ กลับมาถูกโหวตให้เป็นหัวหน้าทีมทันที ---___-----")
เริ่มทำงานปี 51 (ทีมงานรุ่นแรก ณ ปัจจุบันออกหมดแล้ว และก่อนหน้าผมช่วง 51 -55 หัวหน้างานลาออก 3 คน) ผมเป็นรองหัวหน้างานตั้งแต่ปี 54 การเป็นหัวหน้างานของผมจริงๆ แล้วก็คือ ช่วงนั้นไม่เหลือใครที่มีประสบการณ์ในงานมากเท่าผมแล้ว และที่เป็นรักษาการเพราะในช่วงนั้นยังไม่ผ่านการรับรองการติดอาวุธในหลักสูตรผู้บริหารต่างๆ
อารมณ์ช่วงนั้นผมเป็นอย่างไร เมื่อคนในงานเริ่มลาออกพอถึงจุดหนึ่ง ภาระงานต่างๆ จะโหลดไปอยู่กับคนที่ยังคงทำงานอยู่ และหัวหน้างานเองก็ทยอยลาจาก (เล่าแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกท่านที่พบเพื่อจาก จากชีวิตผมจะไม่ดีนะครับ ทุกคนเป็นคนดีมากทุกช่วงเวลาที่ทำงานกันทุกคนมอบสิ่งดีๆมากมาย แต่ทุกคนก็มีอนาคต มีการตัดสินเพื่อเส้นทางชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ผมเคารพการตัดสินใจของทุกคน)
ตัวผมเองในวันที่เหลือเป็นคนสุดท้ายและต้องสร้างทีมใหม่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่ออายุ 30 (เหมือนบทความก่อนๆ ที่เขียนเรื่องลาออกเลย.... และผมทำแตกต่างจากที่แนะนำคนอื่นไหมในวันนั้น ... )
เริ่มต้น ผมบอกได้เต็มปากว่า "อยากหนีครับ" ลาออกดีกว่า (สามารถสรรหาเหตุผลลาออกได้มากมาย เช่น เงินน้อยกว่าเพื่อนๆ เมื่อเทียบกันตอนอายุ 30 มีที่ใหม่ที่มีโทรศัพท์ตรงมาหาผมให้เงินเดือนมากกว่าที่นี้เท่านึง หรือแบบผมอยากมีเงินให้มากกว่านี้มากจนสามารถแบ่งปันคนอื่น หรือที่ทำงานอื่นให้งานที่ท้าทายกว่า <<เหตุผลแบบสวยหรูเกิน) พอจังหวะจะไปคุยกับผู้บริหารว่าผมอยากออกครับ ผู้บริหารผมบอกว่า.....
1
"ไม่เป็นไร คุณทำงานมาก็ไม่ค่อยได้ใช้วันลาอะไร ไปพักสงบสติอารมณ์ 1 สัปดาห์ ถ้าทบทวนดีแล้วกลับมาคุยกันใหม่" (ก็ไม่ได้ถามซ้ำ เข้าใจทันที ไม่อนุมัติ)
1 สัปดาห์นั้นผมหยุดจริงครับ มันเหมือนทิ้งงาน หน่วยงานเองคนไหลออกเยอะอยู่แล้วงานก็โหลดอยู่แล้ว แต่ผู้บริหารก็มีวิธีจัดการให้งานออก หรือชะลอบางงานได้อยู่ (ก็สะท้อนความจริงว่าองค์กรใหญ่จริงๆ ถ้าจุดนึงอยู่ได้ด้วยระบบ เราเองคนทำงานก็ตัวเล็กมาก... แต่ทำตัวสำคัญยิ่งใหญ่เกิ๊นนนน!...คุณค่ายังนิดเดียวเอง)
แต่ช่วงหยุด 1 สัปดาห์ผมออกบ้านทุกวันครับ ผมเป็นคนรักบ้านเกิด พอดีเกิด กทม ก็เลยเป็นคนรักและติดแสงสีตอนกลางคืน และไม่คิดไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ช่วงกลางวันผมก็เดินสายไปเรื่อยครับ เจอใครที่ผมรู้สึกน่าสนใจ ("พบเพื่อจาก" อยู่แล้วคุยกันวันเดียวจำกันไม่ได้หรอก) เริ่มก็แนะนำตัวก่อนว่าเป็น HR ในองค์กรหนึ่งช่วงนี้กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นเป็นหัวหน้างาน หรือลาออกหนีจากองค์กรดี และชวนคุยเรื่องอื่นๆ ที่ผมสนใจ เช่น ผมไปคุยกับคนอายุ 30 กว่าที่ชอบเต้น cover dance (พอดีสมัยก่อนบางห้างจะมีโซนให้เด็กๆ ไปซ้อมเต้น แต่วันนี้เป็นวันทำงานไง ทำไมคนอายุ 30 กว่ามาซ้อมเต้น แล้วซ้อมเต้นไปทำไม?) หรือคุยกับเซฟอาหารญี่ปุ่นเวลาเขาปั้นอาหารญี่ปุ่นว่า "เซฟปั้นข้าวแบบตั้งใจในทุกคำไปทำไม? แล้วทำไมเซฟดูมีความสุขจังเวลาบริการผม" ไม่นับยามค่ำคืนที่คุยแหลกลานกับทุกอาชีพ ทุกช่วงอายุที่ผม เอ๊ะ! สงสัยขึ้นมา (ปกติสัมภาษณ์คนมาเยอะเลยมีสกิลการพูดกับคนที่ไม่รู้จักและเจอกันครั้งเดียวได้มากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย) ตัดบทดีกว่า
ครบ 1 สัปดาห์กลับมาหาผู้บริหารอีกที ก็กลัวอยู่ครับ เพราะรู้ว่าการเป็นหัวหน้างานจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทีมงานก็ต้องสร้างใหม่ งานในอนาคตที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่ "กล้า" ครับสั้นๆ จะไม่หนี" แม้ต้องกลับมาเริ่มอะไรใหม่ หรือในใจฟุ้งกลัวแค่ไหนก็ตาม
จังหวะเข้าห้องผู้บริหาร ผมเดินเข้ามา ผู้บริหารเห็นหน้า ผมยิ้มให้...
ผู้บริหารเดินเข้ามาจับไหล่ผม บอก "อยู่ช่วยผมก่อนนะ" หายไปสัปดาห์นึงรู้ใช่ไหมว่ามีงานอะไรที่ต้องกลับมาทำบ้าง ผมหาทีมงานใหม่มาให้แล้วนะ Q(-__---")Q เดี้ยวแนะนำให้รู้จัก แล้วเข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารให้จบจะได้ทำเรื่องจาก รักษาการ เป็น หัวหน้านะ
1
จบ....ด้วยคำผมที่ว่า ......"ครับผม ผมจะทำโอกาสนี้ให้ดีที่สุด และผมจะช่วยงานนี้เอง" (เตรียมคำในหัวมากมายมาทำไมไม่รู้...ถึงเวลาไม่ได้พูดซักอย่าง)
1
"โอกาสบางทีมาตอนไม่พร้อม และบางทีในจังหวะที่เราพร้อมแล้ว เราก็ไม่ได้โอกาส"
อ้างอิง เรื่องเล่าสมัยสมัครงานครั้งแรก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา